รัฐสภา 23 ก.ย.- ฝ่ายค้านและรัฐบาลเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม โดยเห็นว่าเนื่องจากเมื่อใช้รัฐธรรมนูญไปสักระยะหนึ่งแล้วพบว่ามีบางมาตราที่ไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคม จึงเห็นว่าควรจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ก่อนที่ประชุมจะเข้าสู่วาระพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจำนวน 6 ญัตติ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้ทวงญัตติที่ขอให้ ประธานรัฐสภา ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอีก 4 ฉบับว่า อาจเข้าข่ายลงนามซ้ำกันเองในร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่ยื่นมาก่อนหน้านี้ จึงขอให้ทบทวนในข้อกฎหมาย
ขณะที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวว่า กฎหมายที่เสนอทั้ง 4 ฉบับ เป็นคนละฉบับและเป็นคนละเรื่องกัน อีกทั้งญัตติของนายไพบูลย์ เสี่ยงขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่บรรจุญัตติ และยืนยันว่า ไม่เลือกปฏิบัติ
จากนั้น ที่ประชุมรัฐสภา จึงเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณา โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า วิป 3 ฝ่าย ได้ตกลงกันว่าขอให้รวมเรื่องด่วนทั้ง 6 ฉบับ พิจารณาร่วมกัน และลงมติทีละฉบับในคราวเดียว
ต่อมา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้แจงญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ควรให้กลับไปใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา รวมทั้งควรจัดตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนการยกเลิกมาตรา 270-272 นั้น เนื่องจากขัดกับหลักการถ่วงดุลอำนาจ โดยเฉพาะการให้ ส.ว.ร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย จึงเห็นควรยกเลิกมาตรา 272 และแก้ไขมาตรา 159 ที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.
ผู้นำฝ่ายค้าน ยังชี้แจงกรณีให้ยกเลิกมาตรา 279 เกี่ยวกับการประกาศ และคำสั่งของ คสช.ว่ามีผลกระทบต่อหลักสิทธิเสรีภาพ จึงควรยกเลิก ส่วนการแก้ไขระบบเลือกตั้ง เนื่องจากการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวมีปัญหาหลายด้าน จึงควรนำบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ กลับมาใช้
ด้าน นายวิรัช ชี้แจงญัตติพรรคร่วมรัฐบาลแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ว่า พบปัญหา ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย จึงควรทบทวนให้เกิดความชัดเจนและเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ก็มีกลุ่มภาคประชาชนกำลังเคลื่อนไหว ดังนั้น ไม่ว่าจะแก้ไขมากหรือน้อยก็ต้องเกิดปัญหาความขัดแย้ง ขณะที่ตนเองอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ไม่แบ่งแยก ซึ่งญัตติพรรคร่วมรัฐบาลมีเจตนารมณ์แก้ในมาตราที่เป็นปัญหา
ขณะที่วันนี้ มีความเคลื่อนไหว นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี พร้อมด้วยกลุ่มไทยภักดี ได้เดินทางมายังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือ 130,000 รายชื่อ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมระบุว่า หากยังเดินหน้าแก้ไข เรื่องจะจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ.-สำนักข่าวไทย