ศบศ.ไฟเขียวคนละครึ่ง-เติมบัตรสวัสดิการ 500 บาท 3 เดือน

ทำเนียบฯ  16 ก.ย. – ศบศ.เพิ่มวงเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บ./คน/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค.63  พร้อมเปิดให้ลงทะเบียน “โครงการคนละครึ่ง” 16 ต.ค.นี้ เริ่มใช้จ่าย 23 ต.ค.-31ธ.ค.


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบศ. ครั้งที่ 3/2563  อนุมัติหลักการ มาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศ วงเงินรวม 51,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนระดับฐานราก โดยแบ่งเป็นโครงการคนละครึ่ง วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท เปิดให้ผู้มีสิทธิ อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 10 ล้านคน เริ่มลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์คนละครึ่งดอทคอมวันที่ 16 ตุลาคม และเริ่มใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง วันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 โดยรัฐบาลจะสมทบการใช้จ่ายให้สูงสุดวันละ 100 บาทต่อวัน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 1 ตุลาคม โดยจะต้องเป็นร้านค้าบุคคลธรรมดา ไม่ใช่ร้านค้าที่เป็นนิติบุคคล ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ และไม่ใช่ร้านค้าแฟรนไซส์

นอกจากนี้ เพิ่มวงเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 21,000 ล้านบาท จำนวน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท โดยจะได้รับเพิ่มคนละ 500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในมาตรการนี้จะเป็นเงินที่ดึงมาจากงบฟื้นฟูฯ 400,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า


นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะ ผู้ช่วยเลขานุการ ศบศ. ระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอให้มีการปรับปรุงเงื่อนไขสมาร์ทวีซ่า เพื่อดึงนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาในไทย โดยให้ปรับปรุงเงื่อนไขเชื่อมโยงกับการลงทุน และการถือครองหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว และนำรายละเอียดกลับมาเสนอในที่ประชุม ศบศ.อีกครั้ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ศบค.พิจารณาเงื่อนไขและกำหนดกลุ่มนักธุรกิจที่จะเข้ามาได้เฉพาะกลุ่ม และที่ประชุมให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับเงื่อนไขของบัตรอีลิทคาร์ด สำหรับนักท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกับการลงทุนเพิ่มขึ้น .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ