กาฬสินธุ์ 15 ก.ย. – ศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบกรณีผู้ปกครองร้องลูกสาววัย 5 ขวบ ถูกรุ่นพี่ ป.5 รุมทำอนาจารในโรงเรียน ขณะที่ตำรวจยังรอสอบปากคำแม่เด็ก หลังเข้าพบมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมส่งคราบคล้ายอสุจิเปื้อนกางเกงในและกระโปรง พิสูจน์ดีเอ็นเอ
จากกรณีหญิงอายุ 23 ปี ชาว อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.คำม่วง โดยระบุว่า ลูกสาวเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 วัย 5 ขวบ ถูกรุ่นพี่ชั้น ป.5 จำนวน 3 คน รุมทำอนาจารในห้องน้ำภายในโรงเรียน ก่อนจะเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ
วันนี้ (15 ก.ย.) นายเพิ่มพูน พงษ์พวงเพชร ศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ทางศึกษาธิการจังหวัดฯ หลังได้รับรายงานจากผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้อำนวยการและคณะครูของโรงเรียนดังกล่าวด้วยตนเอง และสั่งการให้ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ควบคู่ไปกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเร่งคลี่คลายข้อสงสัยและเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับผู้ปกครองของผู้เสียหายได้ทราบ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้เรียกนักเรียนรุ่นพี่ทั้ง 3 คน มาพูดคุย ซึ่งยังปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุตามที่ถูกร้องเรียน
ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองของเด็กอยากย้ายโรงเรียนนั้น เบื้องต้นเป็นสิทธิของผู้ปกครอง หากเกิดความไม่สบายใจ หรือเกรงว่าเด็กจะได้รับผลกระทบ ก็สามารถย้ายได้ เพราะโรงเรียนของรัฐบาลเปิดรับตลอดอยู่แล้ว แต่หากมีความประสงค์จะเรียนที่เดิมก็สามารถทำได้ ส่วนกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียน มีทั้งหมด 11 ตัว โดยมี 1 ตัว บริเวณด้านหลังอาคารเรียน ใช้การไม่ได้ แต่ภาพรวมจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมด ยังไม่พบภาพรุ่นพี่ทำอนาจารรุ่นน้อง โดยเฉพาะวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ถูกระบุว่าเป็นวันเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนได้มอบภาพวงจรปิดให้ตำรวจตรวจสอบแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.อลงกรณ์ เสนีย์รณฤทธิ์ ผกก.สภ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนยังคงรอผู้ปกครองของเด็กเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากทราบว่าได้เดินทางไปยังมูลนิธิปวีณาฯ ซึ่งยังไม่ได้เรียกตัวใครมาสอบเพิ่ม โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ถูกกล่าวหา เพราะต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายก่อน ส่วนคราบที่พบคล้ายกับอสุจิเปื้อนกางเกงในและกระโปรงเด็ก ได้ประสานกับแพทย์ผู้ตรวจส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.ขอนแก่น เพื่อตรวจสอบว่าใช่คราบอสุจิหรือไม่ พร้อมกับเก็บตัวอย่างส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบดีเอ็นเอ หากเป็นคราบอสุจิจริง. – สำนักข่าวไทย