กรุงเทพฯ 14 ก.ย.-“พล.อ.ประวิตร” ย้ำรัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติ ขอทุกคนร่วมคิดทำเพื่อสร้างประเทศ โดยที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมอบหมาย สศช.ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ขับเคลื่อนครอบคลุมทั้ง 6 ด้าน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดการประชุม ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติ สอดคล้องกับแม่บทพัฒนาประเทศที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้า ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งปัจจุบันประเทศพบกับความท้าทายที่หลากหลาย เช่น โรคอุบัติใหม่ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หรือภัยธรรมชาติต่าง ๆ และปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอดและดำเนินมาตรการทั้งเชิงรับและเชิงรุก โดยความท้าทายเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องการให้ทุกคนให้ความสำคัญ ร่วมคิดทำเพื่อสร้างประเทศไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินงานตามแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย โดยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ได้มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อน ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ครอบคลุมงานทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างความตระหนักรู้ 2.การเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและแผน 3 ระดับของประเทศ 3.กลไกการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 4.การจัดทำโครงการการดำเนินงานและการพัฒนาเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5.ภาคีการพัฒนา และ 6.การติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบให้กำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบและประสานงานหลักในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมายหลัก (Goal) และ 169 เป้าหมายย่อย (target) ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะครอบคลุมการพัฒนาได้ครบทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งจะมีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทการพัฒนาประเทศ
พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงเรื่องการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ให้มีความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยทุกมิติไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตข้างหน้าร่วมกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย