ทำเนียบ 25 พ.ย.- “ชูศักดิ์” ไม่เถียง “นิกร” หลังฟันธง กม.ประชามติ แปลงเป็น กม.การเงินไม่ได้ แค่หามุมกฎหมายหาทางออก
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ยืนยันว่าการจะแปลงร่างกฎหมายประชามติเป็นกฎหมายการเงินไม่สามารถทำได้ เพราะเลยระยะเวลามาแล้ว ว่า อ่านรัฐธรรมนูญหลายมาตราก็ยอมรับว่าขั้นตอนนี้เลยมาแล้วจริงๆ ตนก็ไม่ได้เถียงว่าเลยมาแล้ว แต่ที่ตนยกประเด็นขึ้นมา หมายความว่าเมื่อมีปัญหากมธ.ร่วมเห็นไม่ตรงกัน ถือเป็นอุปสรรคของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่แล้วเสร็จ ตนจึงคิดว่าทางออกควรเป็นอย่างไร ซึ่งการตีความว่าเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งตนก็ไม่ได้ฟันธง จึงได้บอกว่าต้องมีการหารือกัน ซึ่งสื่อมวลชนคงจำได้ว่าตนเคยบอกว่าให้หารือกับประธาน คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และกมธ. ว่าจะมีทางออกได้หรือไม่ และไม่ได้ฟันธงว่าเป็นไปตามนั้น ซึ่งหากไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
“สิ่งที่นายนิกรพูดมาผมก็ไม่ได้เถียงอะไร แต่ปัญหาข้อกฎหมายต้องหารือกันว่ามีทางออกอะไรหรือไม่” นายชูศักดิ์ กล่าง
เมื่อถามว่า หากเรื่องดังกล่าวไม่ใช่กฎหมายการเงินจะมีทางออกให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อย่างที่ตนเคยบอก คือการลดการทำประชามติจาก 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับเสร็จทันรัฐบาลนี้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่าถ้าทำประชามติ 3 ครั้งก็ไม่ทัน แต่ถึงอย่างไรก็จะดันเต็มที่ให้เกิดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) อย่างน้อยก่อนหมดวาระรัฐบาลชุดนี้ก็จะได้มีสสร. ซึ่งตนได้เคยบอกกับสื่อไปแล้ว ส่วนการเลือกตั้งก็ใช้กติการัฐธรรมนูญฉบับเก่าไปก่อน
ทั้งนี้ หากแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ทันจะมีการแก้ไขรายมาตราในประเด็นสำคัญหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราเดินไปในแนวทางที่จะมีสสร.เพื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนคิดว่าประเด็นรายมาตราคงไม่มี เพราะเราจะมอบหมายให้สสร.ยกร่างแล้ว ซึ่งถือเป็นตัวแทนประชาชน หากไปทำรายมาตราอีกก็จะดูไม่สมเหตุสมผล เว้นแต่กรณีจำเป็นจริงๆ แต่เมื่อดูสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่คอขาดบาดตาย.-315 -สำนักข่าวไทย