ประเด็นสงสัยการตายของพยาบาลต้องรอผลชันสูตร

สระบุรี 31 ส.ค. – ครอบครัวติดใจพยาบาลสาววัย 42 ปี เสียชีวิต ซึ่งสามีอ้างภรรยาผูกคอตายหน้าบ้านพัก เนื่องจากการเสียชีวิตมีเงื่อนงำ ทั้งเชือกผูกคอเป็นเชือกไนลอนขนาดใหญ่ หน้าผากโนและแตก ลั่นจะไม่เผาศพจนกว่าจะสรุปคดี


ความคืบหน้าคดีที่ น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง อายุ 42 ปี อาชีพพยาบาล เสียชีวิต โดยสามีคือ นายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ อ้างว่าผูกคอตายหน้าบ้านพักในตัวเมือง จ.สระบุรี แต่มีประเด็นที่มีเงื่อนงำ ทั้งเรื่องเชือกที่ผูกคอตายเป็นเชือกไนลอนขนาดใหญ่ หน้าผากข้างชายโนและแตก ต้องส่งศพไปชันสูตรที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระเทพ อ.องครักษ์ จ.นครนายก

วันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง สภ.เมืองสระบุรี พบว่านายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ (สามีพยาบาลสาว) พร้อมด้วยนายอัมรินทร์ (นามสมมติ) ช่างทาสี ที่นายเอกพัฒน์กล่าวอ้างว่าเป็นคนช่วยนำร่างของนางสาวธิดาเดือน รุ่งแสง ลงจากขื่อที่ผูกคอตายลง เดินทางเข้าพบตำรวจ เพื่อให้ปากคำ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงได้ออกจากห้องสืบสวน


พ.ต.ท.ภัฏ ผดุงรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ร้อยเวรเจ้าของคดี บอกผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เมื่อวานได้เรียกนายเอกพัฒน์ พร้อมนายอัมรินทร์ มาสอบปากคำแล้ว จากการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ไม่พบพิรุธใดๆ จากนั้นจึงได้ให้ทั้ง 2 คนมาในวันนี้อีกครั้ง เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือส่งไปยังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมกับพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ส่วนผลการชันสูตรศพ ยังคงต้องรออีก 45 วัน

ทั้งนี้ ยังคงต้องรอผลการชันสูตรศพก่อนว่า น.ส.ธิดาเดือน เสียชีวิตก่อนผูกคอ หรือผูกคอเสียชีวิตเอง ส่วนบาดแผลที่เกิดมีได้หลายประเด็น ยังไม่ชี้ชัด ทั้งนี้ จะพยายามเร่งรัดผลชันสูตรให้ได้โดยเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวได้เดินไปยังวัดอัมพวันวนาราม (วัดม่วงค่อม) อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ซึ่งในวันนี้ทางครอบครัวได้นำศพ น.ส.ธิดาเดือน มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยจะมีการตั้งบำเพ็ญกุศลไว้จำนวน 3 วัน


พี่สาวของผู้เสียชีวิต คือนางสาวกฤตชญา รุ่งแสง อายุ 49 ปี ที่ระบุว่าสำหรับตนเองไม่เชื่อว่าน้องสาวจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากที่ผ่านมาน้องสาวมีอะไร จะบอกกับทุกคนในครอบครัว ส่วนกรณีที่มีสื่อบางช่องระบุว่าน้องสาวของตัวเองเป็นเมียน้อยของนายเอกพัฒน์ เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะก่อนที่นายเอกพัฒน์จะไปมีครอบครัวใหม่ นายเอกพัฒน์เคยอยู่กินน้องสาวของตนเอง หลังจากนั้นน้องสาวของตนเองถูกจับกุม 5 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น นายเอกพัฒน์ก็ไปคบหากับผู้หญิงอีก 1 คน และมีลูกด้วยกัน 2 คน โดยภายหลังจากที่น้องสาวของตนเองพ้นโทษ และมาสอบเข้าเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี นายเอกพัฒน์ก็มาเจอกับน้องสาวอีกครั้ง และบอกว่าตนเองได้แยกกันอยู่กับภรรยาที่มีลูกด้วยกัน และมาขอน้องสาวแต่งงาน สินสอด 200,000 บาท จนมีลูกสาวด้วยกัน ขณะนี้วัย 3 ขวบ เพราะฉะนั้นน้องสาวของตนจึงไม่ได้เป็นเมียน้อย

นายหาญศักดิ์ดา รุ่งแสง พี่ชาย กล่าวว่า การเสียชีวิตของน้องสาว ทีแรกทางครอบครัวปรึกษากันไว้ว่าจะตั้งบำเพ็ญไว้ที่วัดเป็นเวลา 3 วัน หลังจากนั้นจะนำศพน้องไปฝากไว้ที่โรงพยาบาล จะยังไม่ฌาปนกิจ จนกว่าทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตำรวจจะสามารถพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตและสรุปคดีของน้องสาวได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง