กทม.เดินหน้านำสายสื่อสารลงใต้ดิน

กทม.21 ส.ค.-กทม.ทำหนังสือถึงการไฟฟ้านครหลวง ร่วมจัดระเบียบสายสื่อสารในกรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) กล่าวว่า กทม.ยังคงเดินหน้าโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินตามเจตนารมณ์และเป็นไปตามมติของคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดีอี) และมติคณะรัฐมนตรี ในการมอบหมายให้กทม.เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารเมืองตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 รวมถึง พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2535 เพื่อแก้ไขปัญหาสายสื่อสารรกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่บ้างครั้งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต รวมถึงยังรองรับการเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart city ในอนาคตอีกด้วย

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ กทม.ได้ทำหนังสือถึงการไฟฟ้านครหลวง เพื่อขอความร่วมมือในการพิจารณาอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมติดตั้งสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง เฉพาะในเส้นทางที่ไม่มีโครงการท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดิน พร้อมทั้งนำสายสื่อสารที่มีอยู่ในเส้นทางดังกล่าวลงใต้ดินทั้งหมด ตลอดจนยกเลิกการอนุญาตในเส้นทางที่มีท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินแล้ว เพื่อร่วมกันจัดระเบียบสายสื่อสารในพื้นที่กรุงเทพฯ และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน


“ปัจจุบันการไฟฟ้านครหลวงได้ดำเนินโครงการนำระบบสายไฟฟ้าลงใต้ดินในหลายเส้นทาง เพื่อปรับโฉมสภาพภูมิทัศน์ในกรุงเทพฯ ให้สวยงามและเพิ่มความปลอดภัยแก่ประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาเมืองและดูแลความปลอดภัยประชาชน กทม.หวังอย่างยิ่งว่า การไฟฟ้านครหลวงจะเห็นถึงความตั้งใจในการทำงานของ กทม.รวมถึงให้ความร่วมมือในการจัดระเบียบสายสื่อสารในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อไป” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

สำหรับโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินของ กทม.กำหนดแบ่งพื้นที่ดำเนิน การเป็น 4 พื้นที่ ประกอบด้วย พื้นที่กรุงเทพเหนือ รวมระยะทาง 620 กิโลเมตร พื้นที่กรุงเทพตะวันออก 605 กิโลเมตร พื้นที่กรุงธนเหนือ 605 กิโลเมตร และพื้นที่กรุงธนใต้ 620 กิโลเมตร รวมทั้งสิ้น 2,450 กิโลเมตร

ปัจจุบันได้ก่อสร้างท่อร้อยสายใต้ดินในพื้นที่นำร่องระยะทาง 7.252 กิโลเมตรแล้วเสร็จและทดสอบระบบการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ บริเวณถนนวิทยุ ช่วงถนนเพชรบุรี ถึงแยกเพลินจิต และถนนวิทยุ ช่วงจากแยกเพลินจิต ถึงหน้าซอยร่วมฤดี ถนนรัชดาภิเษก ช่วง MRT ศูนย์วัฒนธรรมประตู 2 ถึงหน้าซอยรัชดาภิเษก 7 และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ช่วงถนนสาทรเหนือ/ใต้ ถึงซอยนราธิวาสฯ 10 โดยขณะนี้กทม.เตรียมแผนขยายเส้นทางก่อสร้างท่อร้อยสารสื่อสารใต้ดินเพิ่มเติมอีก 50 กิโลเมตรด้วย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง