สำนักงาน กกต. 20 ส.ค.- “ศรีสุวรรณ” ยื่น กกต. สอบพรรคก้าวไกล เตรียมเสนอแก้รัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษตริย์ ชี้เข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง เชื่อปล่อยเดินหน้า มีสิทธิบานปลาย ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ดูพฤติกรรมก็รู้
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบและเสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล กรณี ส.ส.พรรคก้าวไกล ระบุว่าพรรคก้าวไกลเตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หมวด 1และหมวด 2 ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ เนื่องจากเห็นว่าการให้สัมภาษณ์ของส.ส.พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม และที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ถึงเหตุผลที่พรรคไม่ลงชื่อร่วมกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เป็นการกระทำที่ส่อไปในทางขัดหรือแย้งต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (2) ซึ่งบทบัญญัติกฎหมายมาตรานี้ ระบุห้ามพรรคการเมืองกระทำการใดที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้คำว่า “อาจจะ” ในทางกฎหมายมีความหมายเพียงแค่ มีพฤติการณ์ที่อาจจะผิดกฎหมาย ก็ถือว่าเข้าข่ายผิดตามมาตรา 92 ( 2)
“คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่รับไม่ได้ ถ้าจะแก้ไขแล้วไปแตะต้องสถาบัน ยิ่งมีการระบุว่าจะนำข้อเสนอ 10 ข้อ วันที่ 10 สิงหา มาเป็นส่วนของเนื้อหาในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรค เนื้อหานั้นยิ่งจาบจ้วงสถาบัน จึงเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ เรื่องนี้ไม่อยากให้ลุกลามบานปลาย กลายเป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้ จึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม เสนอ กกต.ให้พิจารณาและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่“ นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แม้พรรคก้าวไกลจะอ้างว่าไม่ได้ประสงค์ที่จะแก้ไข หมวด 1 และหมวดที่ 2 แต่ตนเห็นว่าสมาชิกของพรรคหลายคนออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันถึงเหตุผลที่ถอนตัวไม่ลงชื่อร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ว่าเพราะพรรคต้องการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง เพราะต้องการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ดังนั้นการการแก้ตัวโดยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ประสงค์จะแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 คงไม่เพียงพอ ต้องดูพฤติการณ์ที่ผ่านมาของพรรคนี้ด้วย
“เราไม่รู้ว่าในอนาคตหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 มีการตั้ง สรร.แล้ว เป็นประตูนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะมีการก้าวล่วงไปถึงการแก้ไข หมวด 1และหมวด 2 หรือไม่ เมื่อเปิดประตูกว้างอย่างนั้น จะไปรู้ได้อย่างไร ว่าในอนาคตจะไม่เข้าไปสู่การแก้ไข หรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับหมวดว่าที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นมาตรา 255 จึงไม่สามารถเป็นเครื่องค้ำประกันได้ ว่าจะมีการแก้ไขในหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ เพราะมาตรา 255 เป็นการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นมุขมิได้” นายศรีสุวรรณ กล่าวและว่าต้องป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาแก้ไข เพราะถ้าปล่อยให้มีการพูดจาอาจจะเลยเถิดลุกลามบานปลายไปจนไม่สามารถควบคุมปัญหาเหล่านี้ วันนี้น่าจะดำเนินการป้องกันไว้ก่อนจะเป็นประโยชน์มากกว่า.-สำนักข่าวไทย