กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – BGRIM โชว์ศักยภาพกำไรสุทธิพุ่งสูงถึง 1,682 ล้านบาท เหตุจากการขยายกำลังการผลิต ทั้งจากการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ และการเข้าซื้อกิจการ การเพิ่มขึ้นของลูกค้านิคมฯ ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บาทต่อหุ้น
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ยังเติบโตแข็งแกร่ง แม้มีสถานการณ์เศรษฐกิจจะชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทมีรายได้ 11,243 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้รายได้ ครึ่งแรกปี 2563 อยู่ที่ 22,466 กำไรสุทธิ 1,841 ล้านบาท
สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยสำคัญจากการเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องสู่ 3,019 เมกะวัตต์ ณ กลางปี 2563 โดยตั้งแต่ต้นปีที่แล้วเป็นต้นมามีเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้า 4 โครงการ และการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ คือ โครงการ บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) (ชื่อเดิม เอสพีพี 1) และโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มขึ้นของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์ ในปีก่อนหน้า และอีก 15 เมกะวัตต์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง นอกจากการทยอยเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่แล้ว ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมรายเดิมเริ่มส่งสัญญานฟื้นตัว โดยในเดือนกรกฎาคม ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 17% จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือนในช่วงไตรมาส 2/2563 นอกจากนี้ แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติยังเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของเรา โดยเดือนกรกฎาคมราคาลดลง 8% จากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักไตรมาส 2/2563 เป็น 241 บาท/ล้าน BTU ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีตามประมาณการของ ปตท.
พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าในการก่อสร้างโครงการ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟาพลังงานลมบ่อทอง วินฟาร์ม 1&2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ มีกำหนดการ COD ในช่วงไตรมาส 4/2563 ถึงไตรมาส 1/2564 มั่นใจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาการซื้อไฟฟ้าที่ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565
ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับปันผล (Record Date) คือ วันที่ 31 สิงหาคม 2563 และกําหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 11 กันยายน 2563. -สำนักข่าวไทย