BIG STORY : ผลสอบคดี “บอส” เสนอสอบสวน “ขับรถโดยประมาท-เสพโคเคน”

กรุงเทพฯ 13 ส.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่าทางตันคดี “บอส วรยุทธ อยู่วิทยา” เสนอสอบสวนข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่สั่งไม่แย้งคำสั่งอัยการ และตั้งข้อหาใหม่เสพโคเคน พร้อมตั้งกรรมการสอบ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง 20 นาย ติดตามจากทีมอาชญากรรม สำนักข่าวไทย


วันนี้ กรรมการสอบสวนคดีบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ชุดตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดแถลงผลการสอบสวน ตามคำสั่ง ผบ.ตร.หลังทำความเห็นกว่า 1,400 หน้ากระดาษ เสนอต่อ ผบ.ตร. เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา

ผลการสอบสวนไม่พบว่า พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความบกพร่อง กรณีไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฯลฯ ของอัยการ โดยชี้แจงว่ากระบวนการทำความเห็นทางคดีมีคณะทำงานกฎหมายและคดี 4 ชุดพิจารณา ทำความเห็นอย่างอิสระ ปรากฏว่าคณะทำงานเห็นหน้าตรงกันไม่แย้งคำสั่งอัยการ จากนั้นเสนอ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ใช้ดุลพินิจ ถือเป็นที่สิ้นสุด เปลี่ยนแปลงความเห็นไม่ได้ ยืนยันไม่ได้ช่วยฟอกขาวให้ พล.ต.ท.เพิ่มพูน


ส่วนประเด็นความเร็วของรถยนต์พุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ลดลง ซึ่งมาจากคำให้การของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น จนเป็นที่มาของจุดเปลี่ยนคดี กรรมการชุดนี้สอบสวน พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ 3 วันเต็ม เจ้าตัวยืนยันความเร็วเดิม 177 กม./ชม. และจากการสอบสวนผู้เชี่ยวชาญกลางยืนยันความเร็ว 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรืออาจเร็วได้ถึง 180 กิโลเมตร/ชั่วโมงก็ได้ จึงเชื่อในข้อมูลชุดนี้

ส่วนข้อสงสัยสารโคเคน จากการสอบสวนเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันเป็นสารที่เกิดขึ้นจากการเสพโคเคน อาหาร ยาปฏิชีวนะ รวมถึงยาอะม็อกซี ไม่ก่อสารตกค้างในร่างกาย จึงเสนอ ผบ.ตร.รื้อฟื้นข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และแจ้งเพิ่มข้อหาเสพโคเคน

การสอบสวนยังลงลึกและสอบย้อนหลังไป 8 ปี ตั้งแต่เกิดเหตุ มาจนถึงการใช้ดุลพินิจของผู้ช่วยเพิ่มพูน ทำให้พบความบกพร่องของตำรวจ 14 นาย โดย 11 นาย เป็นชุดเดียวกับที่ ป.ป.ช.เคยชี้มูลไปแล้ว ส่วนอีก 9 นาย รวมทั้งผู้กำกับ สน.ทองหล่อ โดยข้อบกพร่องที่พบ เช่น ไม่ขอหมายจับหรือขอหมายจับ หรือขอหมายล่าช้า เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ ไม่ตรวจแอลกอฮอล์ ไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคน ผู้กำกับไม่ควบคุมคดีอย่างใกล้ชิด ฯลฯ จึงเสนอ ผบ.ตร. ตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยและอาญา ซึ่งความผิดทางอาญาย้อนหลัง ดำเนินคดีกับคนที่เกษียณไปแล้วได้


นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังสั่งตั้งกรรมการสอบสวน พล.ต.ท.เพิ่มพูน แม้การสอบสวนของกรรมการชุดนี้ เบื้องต้น ไม่พบว่าบกพร่องในการใช้ดุลพินิจ แต่เพื่อให้หมดข้อครหา

การแถลงข่าววันนี้ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่เป็นการชี้แจงเหตุการณ์ย้อนหลังเมื่อ 8 ปีก่อน มีประเด็นที่สังคมสงสัย แต่ยังตอบไม่ชัดเจน เช่น มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือไม่ ตำรวจชี้แจงว่าไม่ได้สอบสวนเรื่องนี้ เมื่อถามว่าผลสอบเอาผิดได้แค่ตำรวจยศเล็กเท่านั้น ประเด็นนี้ก็ไม่ชี้แจง

มีรายงานว่า การสอบสวนพบนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้บกพร่องกว่า 30 นาย ซึ่งคณะกรรมการเสนอรายชื่อให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบสวนลงโทษแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ใต้ตอนบน ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยในภาคอีสาน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว