กรุงเทพ 10 ส.ค.-โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยความคืบหน้าการดำเนินการของสถานที่กักกันเชื้อโรคในรูปแบบเฉพาะองค์กร (Organizational Quarantine-OQ) สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเริ่มดำเนินการของสถานที่กักกันเชื้อโรคในรูปแบบเฉพาะองค์กร (Organizational Quarantine-OQ) สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ว่าในชั้นนี้ เริ่มมีองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายราย ได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับการจัดตั้ง OQ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรองรับกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ชาวต่างชาติที่มี Work Permit และเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างประเทศในไทย โดยองค์กรหรือหน่วยงานนั้น จะต้องรับผิดชอบการจัดหาสถานที่กักกันและโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ (Partner) ในพื้นที่ และค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการ ทั้งนี้ จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลคุณภาพในการป้องกันและควบคุมโรคที่ได้มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งการใช้ OQ จะเป็นการลดภาระด้านงบประมาณและบุคลากรของทางการไทย และเป็นทางเลือกให้แก่ผู้เดินทางเข้าประเทศกลุ่มต่างๆ ที่จะมีจำนวนมากขึ้นในมาตรการผ่อนคลายระยะต่อไป
นอกจากนั้น อาคารที่จะใช้เป็น OQ จะยังต้องผ่านการตรวจประเมินทั้งระบบการควบคุมโรคและวิศวกรรมโครงสร้างอาคาร ตามเงื่อนไขในแนวทางดำเนินการสถานที่กักกันในรูปแบบเฉพาะองค์กร ฉบับวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ของกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นการดำเนินการในหลักการเดียวกับ Alternative (National and Local) State Quarantine (ASQ)
ล่าสุด มีอาคารภายในสถานเอกอัครราชทูตประเทศตะวันตกประจำประเทศไทยที่ได้รับการตรวจประเมินและอนุญาตเป็น OQ แล้ว ทั้งนี้ อาคารที่จัดตั้งเป็น OQ ดังกล่าวเป็นอาคารแยก (detached facility) อยู่ห่างจากอาคารสำนักงานและทำเนียบของเอกอัครราชทูต อีกทั้งระยะทางจากประตูของสถานเอกอัครราชทูตถึงตัวอาคารที่ใช้เป็นสถานที่กักกันเชื้อโรคจะมีกล้อง CCTV ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการจะสามารถใช้เฝ้าสังเกตการณ์เข้า-ออกของบุคคลภายนอก รวมทั้งเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ที่ถูกกักกันตัวออกจากบริเวณพื้นที่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563 เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตประเทศตะวันตกและครอบครัวรวม 5 คน เดินทางมาถึงประเทศไทยจากนั้นได้เดินทางด้วยรถพยาบาลของโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ (partner) ที่มารับบุคคลทั้งหมดจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตรงไปยังสถานที่กักกันเชื้อโรคในรูปแบบ OQ เพื่อกักกันเชื้อโรคเป็นเวลา 14 วัน โดยบุคคลดังกล่าวได้รับการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันแรกที่มาถึง ซึ่งผลปรากฏว่า ทุกคนมีผลเป็นลบไม่ติดเชื้อ โดยระหว่างการกักกันเชื้อโรค 14 วัน ทุกคนจะต้องได้รับการตรวจโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เพิ่มอีก 2 ครั้ง รวมทั้งการตรวจอุณหภูมิและสังเกตอาการทุกวันโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ ซึ่งจะรายงานผลต่อกรมควบคุมโรค และโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการจะเป็นผู้จัดเก็บขยะติดเชื้อตลอดช่วงเวลากักกันเชื้อโรคด้วย
รูปแบบการดำเนินการของ OQ จะเป็นทางเลือกในการจัดสถานที่กักกันที่ยังคงรักษามาตรฐานการป้องกันและควบคุมโรคภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยดำเนินการในหลักการเดียวกันกับ ASQ ซึ่งหลังจากที่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ก็อาจนำมาปรับใช้เป็นต้นแบบในการจัดทำ OQ ในกรณีอื่น ๆ ได้ต่อไป .- สำนักข่าวไทย