กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – กูรูเศรษฐกิจคาดต้องใช้เวลา 2-3 ปี เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาปกติ กังวลปัญหาหนี้ฉุดเศรษฐกิจสะดุดอีก ด้าน บล.เอเซีย พลัส คาดจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ติดลบหนัก 15%
ในงานสัมมนาออนไลน์ “Thailand’s Investment Landscape Post Covid-19” นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2563 ที่ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะประกาศวันที่ 17 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะติดลบเป็นตัวเลข2 หลัก หรือเกินกว่า 10% เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์เศรษฐกิจ แต่อย่าคิดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง เพราะยังมีตัวแปรที่ฉุดให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสสะดุดได้อีก คือ ปัญหาหนี้สิน เพราะขณะนี้มีลูกหนี้ถึง 12.6 ล้านบัญชี ที่ขอผ่อนผันไม่คืนเงินต้นและไม่จ่ายดอกเบี้ย หรือคิดเป็นมูลหนี้ 6.7 ล้านล้านบาท หรือ 1 ใน 3 ของสินเชื่อในระบบทั้งหมด สะท้อนว่าลูกหนี้อยู่ในภาวะลำบาก โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีมูลหนี้ถึง 2.2 ล้านล้านบาท หรือ 1.1 ล้านราย ซึ่งปัญหานี้จะกดดันเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะที่เม็ดเงินของรัฐบาลในการเยียวยาวิกฤติโควิด-19 ที่ออกเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมีเพียง 3% ของจีดีพีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้น วิกฤติโควิด-19 มีความรุนแรงและใหญ่กว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะกินเวลาอีก 2-3 ปี
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะเป็นแบบเป็นหลุมเป็นบ่อ มีหลายปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน เพราะมูลหนี้ 2 ล้านล้านบาท คิดเป็นถึง 10% ของจีดีพี ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่จะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ความหวังอยู่ที่การคิดค้นวัคซีนต้านโควิด-19 หากประสบความสำเร็จเศรษฐกิจไทยจะค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัว แต่จะกลับมาเป็นปกติคงต้องใช้เวลาอีกถึง 2 ปี
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อ เนื่องจากจะมีการประกาศจีดีพีไตรมาส2/2563 ซึ่งคาดว่าจะติดลบถึง 15% และจะเป็นปัจจัยที่กดดันการปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นไทย นอกจากนี้ กำไรของบริษัทจดทะเบียนออกมาต่ำ จึงได้ปรับลดกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2563 ลงมาอยู่ที่ 62.45 บาท/หุ้น จากเดิมคาดว่า EPS ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 64.00 บาท หรือคิดเป็นคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปีที่ 680,000 ล้านบาท รวมถึงยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่กำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะออกมาไม่ถึงระดับ 60.00 บาท/หุ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ถือเป็นโอกาสท่ามกลางวิกฤติ แต่องค์กรต้องมีการปรับตัวสู่ New Normal โดยต้องมีความยืดหยุ่นขององค์กรและปรับองค์กรให้ประสิทธิภาพสามารถแข่งขัน โดยต้องมีการนำดิจิทัลเข้ามาช่วย โดยเฉพาะในการเก็บข้อมูลและนำข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคต และสุดท้าย คือ การปรับแนวคิดของคนในองค์กรว่าต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย