ย้ำเตือนยังไม่มีสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชผ่านการขึ้นทะเบียน

กรุงเทพฯ  31 ก.ค. – อธิบดีกรมวิชาการเกษตรย้ำยังไม่มีสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชผ่านการขึ้นทะเบียน แต่ 2 ยี่ห้อที่เป็นสารสกัดจากพืช ซึ่งทะเบียนกำลังจะหมดอายุปีนี้ ตรวจพบผสมพาราควอต จึงกวาดล้างโรงงานผลิต ส่งดำเนินคดีแล้วปลายปี 62 ชี้พร้อมร่วมกับดีเอสไอจับกุมทุกราย ไม่ยกเว้น


นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงการกวาดล้างแหล่งผลิตสารชีวภัณฑ์ปลอมซึ่งอ้างสรรพคุณว่า สามารถกำจัดวัชพืชได้นั้น กรมวิชาการเกษตรยืนยันว่ายังไม่มีสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชชื่อการค้าใดที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรแล้ว ส่วนที่เคยตรวจจับ 2 ชื่อการค้าคือ “กรีนเบิร์น” ทะเบียนเลขที่ 2543/2557 และ”คิวสตาร์” ทะเบียนเลขที่ 2498/2557 แจ้งผลิตโดยบริษัทไทย เนเจอรัล โปรดักส์ ซัพพลาย จำกัด ไม่ใช่สารชีวภัณฑ์แต่เป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดจากพืช โดย ทะเบียน “กรีนเบิร์น” จะหมดอายุในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ส่วน “คิวสตาร์” ทะเบียนจะหมดอายุในวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 การผลิต การนำเข้า การส่งออก และการมีไว้ในครอบครองจะต้องขอขึ้นทะเบียน แจ้งการดำเนินการ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ รวมถึงวิธีการที่กำหนด

ทั้งนี้ บริษัทนำผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดที่นำมาขอขึ้นทะเบียนจากกรมวิชาการเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดจากพืช แล้วจึงนำไปผลิตเพื่อจำหน่าย ต่อมาในเดือนธันวาคม 2562 มีผู้แจ้งเบาะแสว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจปลอมปนสารเคมี จึงเข้าตรวจสอบโรงงานผลิตและเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์มาตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ พบมีส่วนผสมของพาราควอต สารวัตรเกษตรจึงสั่งอายัดของกลางไว้ทั้งหมด แล้วให้ผู้ผลิตเรียกคืนสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายกลับคืนมาทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด ส่วนการเพิกถอนทะเบียนจะทำได้ต่อเมื่อคดีความสิ้นสุด เป็นไปตามพ.ร.บ. วัตถุอันตราย 2535 มาตรา 40 วัตถุอันตรายใดที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วต่อมาปรากฏว่าไม่มีประโยชน์ตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ หรือหากนำมาใช้แล้วอาจเกิดอันตรายต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีวิธีปกติตามควรที่จะป้องกันได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจเพิกถอนทะเบียนวัตถุอันตรายนั้นได้ เมื่อมีการเพิกถอนทะเบียนวัตถุอันตรายใดแล้วสิทธิ์ในการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายนั้นเป็นอันระงับไป


อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อว่า สารชีวภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรมีเพียงสารชีวภัณฑ์กำจัดโรคพืชและศัตรูพืชรวม 73 ทะเบียนเท่านั้น โดยขั้นตอนการขึ้นทะเบียนจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์สำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ขั้นตอนที่ 1 การประเมินข้อมูลพิษวิทยาคณะทำงานเพื่อพิจารณาชีวภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากพืชที่ใช้ควบคุมศัตรูพืช จะประเมินข้อมูลพิษวิทยาที่สำคัญ ได้แก่ คุณสมบัติทางกายภาพ เคมี และด้านเทคนิคของชีวภัณฑ์ พิษวิทยาและข้อมูลการรับสัมผัส สารพิษตกค้างใน/บนผลิตภัณฑ์อาหารและสิ่งแวดล้อม ผลของชีวภัณฑ์ต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย กรรมวิธีการผลิตและแหล่งที่มาของเชื้อ

ขั้นตอนที่ 2 การขอนำเข้าหรือผลิตตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์คุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยผู้ประกอบการต้องยื่นคำขออนุญาตผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างวัตถุอันตรายซึ่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์จะแบ่งเป็น 2 ส่วนเพื่อวิเคราะห์ตามข้อกำหนดของวัตถุอันตราย และเพื่อทดสอบประสิทธิภาพเมื่อผลวิเคราะห์ตรงตามมาตรฐานผู้ประกอบการต้องนำตัวอย่างไปทดลองประสิทธิภาพภายใต้การควบคุมของนักวิชาการกรมวิชาการเกษตร

ขั้นตอนที่ 3 การทดลองประสิทธิภาพผู้ประกอบการต้องยื่นคำขออนุญาตทำการทดลองประสิทธิภาพวัตถุอันตรายขั้นการทดลองเบื้องต้นและแผนการทดสอบประสิทธิภาพเมื่อการทดลองสิ้นสุด ให้ส่งรายงานผลการทดลองประสิทธิภาพ พร้อมข้อความที่ขอระบุในฉลากที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว หากการดำเนินการดังกล่าวผ่านการพิจารณาผู้ประกอบการทำต้องหนังสือส่งผลการประเมินข้อมูลพิษวิทยาผลการทดลองประสิทธิภาพและผลวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ยื่นที่กลุ่มควบคุมวัตถุอันตราย  กรมวิชาการเกษตร เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร หากคณะอนุกรรมการฯ เห็นควรให้ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายพนักงานเจ้าหน้าที่จะออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายให้แก่ผู้ประกอบการต่อไป


ปัจจุบันมีสารชีวภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจากกรมวิชาการเกษตร 73 ทะเบียน ประกอบด้วย Bacillus thuringiensis 57 ทะเบียนซึ่งใช้ป้องกันกำจัดหนอนใยผัก หนอนกระทู้ หนอนเจาะฝักลายจุด และหนอนหัวดำ Bacillus amyloliquefaciens 1 ทะเบียนใช้ป้องกันกำจัดโรคแอนแทรคโนสในพริก Bacillus subtilis 8 ทะเบียนใช้ป้องกันกำจัดโรคกาบใบแห้งในข้าว และโรคแอนแทรคโนสในพริก Beauveria bassiana 2 ทะเบียนใช้ป้องกันกำจัดแมลงหวี่ขาว Metarhiziumanisopliae 2 ทะเบียน ใช้ป้องกันกำจัดเพลี้ยจักจั่นฝ้ายในมะเขือเปราะ Nuclear Polyhedrosis Virus (NPV) 1 ทะเบียนใช้ป้องกันกำจัดหนอนกระทู้หอม และTrichoderma harzianum 2 ทะเบียนใช้ป้องกันกำจัดโรคแอนแทรคโนสในพริก

“ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการขึ้นทะเบียนฯ ให้ความสำคัญต่อการพิจารณาขึ้นทะเบียนกลุ่มวัตถุอันตรายที่มีความปลอดภัยทุกด้าน ซึ่งผู้ขอขึ้นทะเบียนทุกรายจะต้องทำการทดลองประสิทธิภาพกับพืชและศัตรูพืชตามที่ระบุไว้ในฉลาก เพื่อพิสูจน์ว่าวัตถุอันตรายที่ขอขึ้นทะเบียนสามารถใช้ป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้ผลจริง แต่ย้ำว่าสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชที่ผ่านการขึ้นทะเบียนยังไม่มีแม้แต่รายเดียว หากพบการจำหน่ายจะตรวจจับทุกราย ไม่มียกเว้น” นางสาวเสริมสุข กล่าว

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

มือฆ่า 3 ศพ ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่น

มือฆ่า 3 ศพ เปิดปากครั้งแรก ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป รู้ว่าไม่สมควร ยืนยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่นเพราะแม่เด็กยื้อแย่งปืน

จับแล้วหนุ่มใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่เสียชีวิต

ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รวบตัว “นายก๊อง” ได้แล้ว หลังก่อเหตุใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่จนเสียชีวิต เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

ตร.ออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ ดับปริศนา

ตำรวจออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ เสียชีวิตปริศนาในโรงแรม พบเข้าไทยถูกกฎหมาย ชุดสืบฯ เตรียมรวบตัวเร็วๆ นี้ หลังพบพิกัดยังอยู่ในพื้นที่ กทม. เบื้องต้นทราบว่าเจ้าตัวไม่พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ผู้ช่วย รมต.จีน บินลงพื้นที่แม่สอด เตรียมรับคนจีนกลับประเทศ

นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน บินลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เตรียมข้ามฝั่งพบ รมต.มหาดไทยของเมียนมา รับคนจีนกลับประเทศจีน