นักวิชาการเกษตรหนุนปลดล็อกสารชีวภัณฑ์

กรุงเทพฯ  2 ก.ค. – อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตรหนุนแนวคิดการปรับสารชีวภัณฑ์จากบัญชีวัตุอันตรายชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่ 1 ให้เกษตรกรผลิตได้โดยแจ้งต่อกรมวิชาการเกษตร แต่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนการผลิต ย้ำทำได้ แต่ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานนำเสนอและรับปฏิบัติ


นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงการที่นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีแนวคิดจะปรับสารชีวภัณฑ์ ซึ่งสกัดจากธรรมชาติในบัญชีวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 (วอ.1) มาอยู่ในบัญชีวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 (วอ.1) ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยระบุว่า เป็นแนวคิดที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรสามารถผลิตใช้เองได้ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาไทยมาพัฒนาสารชีวภัณฑ์ โดยไทยมีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติไล่แมลงและจุลชีพบางชนิดสามารถป้องกันและกำจัดโรคพืชบางโรคได้

สำหรับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยกรมวิชาการเกษตรทำหน้าที่เสนอข้อมูลตามหลักการ คณะกรรมการวัตถุอันตรายต้องพิจารณาระดับความเป็นพิษของวัตถุดิบที่นำมาผลิตและกระบวนการผลิต ซึ่งต้องไม่ใช้กระบวนการทางเคมี เช่น หากนำสะเดามาคั้นน้ำ เพื่อใช้ไล่แมลงก็สามารถปรับมาเป็นบัญชีชนิด วอ.1 ได้ แต่หากนำไปสกัดด้วยแอลกอฮอล์สมควรอยู่ในบัญชีชนิด วอ.2 เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติปรับบัญชีสารชีวภัณฑ์ใด จะมีผลบังคับใช้เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมวิชาการเกษตรมีหน้าที่รับปฏิบัติ


นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ปรับสารชีวภัณฑ์ใดให้อยู่ในบัญชี วอ.1 แล้วมีผู้ประสงค์ผลิตเพื่อจำหน่าย ต้องมาแจ้งข้อเท็จจริงหรือจดแจ้งต่อกรมวิชาการเกษตร แต่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนการผลิต ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรจะให้คำแนะนำเรื่องการติดฉลาก โดยระบุรายละเอียดถึงวัตถุดิบและกระบวนการผลิต วิธีและอัตราการใช้ ที่สำคัญ คือ วัตถุประสงค์การใช้ต้องเฉพาะเจาะจง เช่น ใช้ไล่หรือกำจัดแมลงชนิดใด ข้อที่เป็นห่วงคือ เกรงจะมีผู้ผลิตที่นำสารเคมีกำจัดแมลงมาผสมเหมือนกรณีที่ผู้ผลิตสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชนำพาราควอตมาผสมจำหน่าย ซึ่งเป็นการหลอกลวงเกษตรกร เพราะสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชได้ยังไม่มี สำหรับการผลิตจุลชีพมากำจัดโรคพืชนั้น ต้องพิจารณาผลข้างเคียง หากก่อให้เกิดการแพ้ได้ ต้องระบุในฉลากด้วย ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรต้องควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ

“งานวิจัยจำนวนมากพบว่าสมุนไพรไทยหลายชนิดมีคุณสมบัติไล่แมลงได้ แต่ต้องพิจารณาระดับความเป็นพิษ โดยสะเดา พริก ตะไคร้ ดาวเรือง เป็นต้น ไม่อันตราย แต่โล่ติ๊นนั้นพิษรุนแรง จึงสมควรให้อยู่ใน วอ.2 ย้ำว่าปรับบัญชีสารชีวภัณฑ์ทำได้ แต่ต้องพิจารณาด้วยหลักวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้” นายอดิศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนดัง ส่งนอนห้องขัง

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบ “กุญแจมือ” เป็นของขวัญปีใหม่ให้อินฟลูฯ นักร้อง คนดัง ส่งนอนห้องขังวีไอพี เผยปม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” คาดมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง