กลโกงผสมพาราควอตในสารชีวภัณฑ์ อันตรายไม่รู้ตัว

กรุงเทพฯ 15 พ.ย. – พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิด ที่กำลังจะถูกยกเลิกการใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ขณะนี้มีพวกฉวยโอกาสลักลอบนำสารเคมีเหล่านี้มาเป็นส่วนผสมในสารชีวภัณฑ์ แล้วอ้างว่าเป็นสารธรรมชาติใช้แทนสารเคมีได้ ทำให้เกษตรกรตกเป็นเหยื่อ และอาจได้รับอันตรายเพราะสัมผัสโดยตรง รวมทั้งประชาชนที่บริโภคผลผลิต 


การเข้าตรวจค้นบริษัท 2 แห่ง ที่เป็นทั้งแหล่งผลิตและจำหน่ายสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืช ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกัน 5 จุด ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี และนครราชสีมา เกิดขึ้นหลังใช้เวลาสืบสวนกว่าครึ่งปี ก่อนล่อซื้อผลิตภัณฑ์ ส่งตรวจกรมวิชาการเกษตร และพบว่ามีส่วนผสมของพาราควอตคลอไรด์ และไกลโฟเซต-ไอโซโพรพิลแอมโมเนียม ที่เป็นสารควบคุมตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535


ความผิดที่สำคัญคือ ผลิตหรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท และผลิตหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท แต่หากความผิดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ซึ่งตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทั้งพาราควอต และไกลโฟเซต จะถูกยกระดับขึ้นเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามครอบครอง ผลิต นำเข้า จำหน่าย หรือพูดง่ายๆ คือ ยกเลิกการใช้ หากฝ่าฝืนมีอัตราโทษสูงกว่าความผิดเดิมมาก จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท 


รองอธิบดีดีเอสไอ ให้ข้อมูลว่า บริษัทเหล่านี้ไม่ได้แค่ผลิตเท่านั้น แต่มีการสั่งสารเคมีมากักตุน สร้างความเสียหายนับสิบล้านบาท และยังสืบสวนพบอีกหลายบริษัทที่ทำแบบเดียวกัน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน

สารชีวภัณฑ์ เป็นผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชที่ผลิตหรือพัฒนามาจากสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ แต่ไม่นับรวมสารที่สกัดหรือแยกได้จากสิ่งมีชีวิตที่เป็นสารเคมีเชิงเดี่ยว สารชีวภัณฑ์เป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีการเสนอให้เกษตรกรนำไปใช้ทดแทนสารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ที่จะมีการยกเลิกการใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ 

นักวิชาการยืนยันว่า สารชีวภัณฑ์สามารถป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้บางส่วน แต่ยังไม่มีที่สามารถกำจัดได้ 100% การลักลอบผสมสารพาราควอตและไกลโฟเซตในสารชีวภัณฑ์ แล้วหลอกลวงว่ากำจัดวัชพืชได้อย่างปลอดภัย ไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพ จึงถือเป็นการฉวยโอกาสเอาเปรียบเกษตรกรที่ต้องสัมผัสโดยตรง รวมถึงผู้บริโภคที่จะได้รับสารเคมีผ่านพืชผลทางการเกษตรโดยไม่รู้ตัว

เหยื่อธุรกิจครั้งนี้ คือ เกษตรกรมากกว่า 1,000 ราย ที่หวังใช้สารชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช แต่ที่น่ากังวล คือ รูปแบบธุรกิจที่โพสต์ขายผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีแรงจูงใจเรื่องรายได้และรางวัล หากทำยอดได้ตามเป้า ซึ่งอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ และยิ่งเครือข่ายขยายออกไปเท่าไร อันตรายจากสารเคมีก็จะยิ่งแพร่กระจายได้มากตามไปด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก