นนทบุรี 29 พ.ย. – นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผู้บริหารบริษัท Haldor Topsøe แสดงความสนใจและสอบถามลู่ทางการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยเคมีในประเทศไทย เนื่องจากได้ศึกษาข้อมูลประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่กลับมีผลผลิตทางการเกษตรต่อไร่ต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน คาดว่าไทยใช้ปุ๋ยในการเกษตรน้อยด้วยต้นทุนด้านราคาที่สูง บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยในประเทศไทยทดแทนการนำเข้าที่ปีหนึ่งนำเข้าหลายล้านตัน เพื่อลดต้นทุนราคาปุ๋ยของเกษตรกรไทย แต่ยังกังวลเรื่องการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการสกัดปุ๋ย โดยไทยไม่มีทรัพยากรจึงต้องนำเข้าก๊าซจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง จึงต้องการทราบแนวนโยบายของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ ประกอบด้วย ถ้าได้รับการสนับสนุนทางบริษัทฯ ก็จะเดินหน้าศึกษาการลงทุนเรื่องนี้ต่อไป
นายวินิจฉัย กล่าวว่า ยินดีที่บริษัทฯ จากเดนมาร์กสนใจมาตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยในประเทศไทย ที่ผ่านมา เกษตรกรไทยใช้ปุ๋ยเกินขนาด จึงจำเป็นต้องให้ความรู้เกษตรกรในการใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ รัฐบาลพยายามลดปัญหาต้นทุนปุ๋ยราคาแพง โดยหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี เนื่องจากปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม โดยมีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้กำกับดูแลปุ๋ยทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิต การออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียน การควบคุมคุณภาพ เพื่อป้องกันปัญหาปุ๋ยปลอม ปุ๋ยหมดอายุ หรือไม่ได้คุณภาพ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในมีหน้าที่กำกับดูแลด้านราคา เพื่อให้ราคาปุ๋ยเป็นไปตามกลไกตลาดและเป็นธรรมให้มีปริมาณสินค้ามีเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศและไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า
“กระทรวงพาณิชย์ยินดีสนับสนุนการตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยของบริษัทเดนมาร์กในประเทศไทย โดยจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของไทย โดยหวังว่าการลงทุนในธุรกิจปุ๋ยจะเป็นโอกาสการถ่ายทอดเทคโนโลยีในสาขานี้สู่ประเทศไทย โดยเฉพาะด้าน innovative technology และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยได้แนะนำให้ผู้แทนเดนมาร์กหารือรายละเอียดเรื่องนโยบายก๊าซธรรมชาติกับกระทรวงพลังงานต่อไป” นายวินิจฉัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย