กรุงเทพฯ 21 ก.ค. – ว่าที่ รมว.พลังงานคนใหม่ยังไม่ชัด พรรคพลังประชารัฐส่งใครมา ภาคประชาชนชี้รายชื่อที่เห็นไม่ค่อยมีความหวัง ขณะที่งานใหญ่รอตัดสินใจอีกเพียบ โดยเฉพาะนำเข้าแอลเอ็นจี แนวโน้ม “ไพรินทร์” ถอย
จากกรณีกระแสข่าวว่าที่ รมว.พลังงานคนใหม่อาจจะเป็นนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร หรือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ทางด้านภาคประชาชน นางรสนา โตสิตระกูล ให้ความเห็นว่า ทั้ง 2 รายชื่อไม่ถูกใจ ไม่สร้างความหวังทั้งคู่ คนหนึ่งเคยอยู่ในวงการพลังงาน อาจจะทำให้ตะขิดตะขวงใจในการเข้ามาทำงาน ดังนั้น คนที่เป็นนักการเมือง หากเข้ามาแล้วหากลบข้อครหาว่ามาหาผลประโยชน์ แล้วเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงก็น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะจากนี้ไปปัญหาโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจ คนรากหญ้า ชนชั้นกลางเดือดร้อนหนัก ตกงานประมาณ 600,000 คน ดังนั้น ราคาพลังงานที่เป็นธรรมจะช่วยลดผลกระทบประชาชน ซึ่งก็อยากเห็น รมว.พลังงานคนใหม่มาสานต่อเรื่องที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงานตกลงกับภาคประชาชนไว้ทั้งเรื่องการส่งเสริมโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน เรื่องโครงสร้างราคาพลังงานที่เป็นธรรม ส่วนเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ เห็นว่าควรทบทวน เพราะเป็นโครงการที่กลุ่มทุนจะอ้างอิงชาวบ้านได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าราคาสูง 3-5 บาท/หน่วย ท่ามกลางไฟฟ้าล้น มีสำรองส่วนเกินร้อยละ 3-5 กระทบทำให้ต้นทุนพุ่งขึ้นอีก
“ขณะนี้มีคนมองกันว่ากระทรวงพลังงานเป็นแหล่งทำมาหากิน ทั้งที่งบประมาณราชการมีแค่กว่า 2,000ล้านบาทเท่านั้น ทำไมถึงแย่งกันเป็น รมว.พลังงาน คงเกิดจากการดูแลธุรกิจปิโตรเลียม/ไฟฟ้านับเป็นแสนแสนล้านบาท/ปี มีเสียงร่ำลือกันว่ามีผลตอบในการลงนาม ไม่ว่าจะเป็นอนุมัตินำเข้าน้ำมัน สัญญาซื้อขายไฟฟ้า และกำลังพิจารณาอนุมัติเอกชนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ทั้งที่ก๊าซอ่าวไทยคุณภาพดีใครจะเป็นคนใหม่ก็ขอให้ทำงานเพื่อประชาชนแท้จริงและลบข้อครหาเหล่านี้ โดยเฉพาะควรมีวิสัยทัศน์ใหม่ส่งเสริมให้ผู้บริโภคผลิตไฟฟ้าบนหลังคา พลังงานสะอาดและทำให้ระบบหักกลบลบหน่วยเกิดขึ้นได้จริง”นางรสนา กล่าว
นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานที่ปรึกษาสมาคมการค้าพลังงานขยะ กล่าวว่า ใครจะมาเป็น รมว.พลังงานคนใหม่ก็ตาม ควรสานต่อเรื่องพืชพลังงาน เพื่อช่วยปรับสมดุลย์ราคาพืชผล ยกระดับรายได้เกษตรกรโดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เพราะเป็นโครงการแรกของประเทศไทยที่ชุมชนมีส่วนได้เสียอย่างแท้จริง ได้ทั้งสัมปทานปลูกพืชเชื้อเพลิง 20 ปี ช่วยสร้างพื้นที่สีเขียวได้ไม่ต่ำกว่า 200,000-300,000 ไร่ และชุมชนยังได้ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าได้เงินปันผล ขณะที่หากทำเฉพาะโครงการโซลาร์รูฟท็อปก็มีรายได้จากไฟฟ้าเท่านั้นแต่ผลประโยชน์ด้านอื่น ๆ น้อยมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเรื่องที่กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างรออนุมัติจาก ครม. คือ การปรับแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี ครั้งที่ 1 (ปรับปรุงพีดีพี 2018) ที่นายสนธิรัตน์ เสนอแผนโรงไฟฟ้าชุมชนระยะแรก 700 เมกะวัตต์ ที่กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่สนับสนุน ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานก็ต้องพิจารณาอนุมัติปริมาณนำเข้าแอลเอ็นจี ของผู้ที่ได้รับอนุมัติเป็นผู้นำเข้ารายใหม่ (ชิปเปอร์) ทั้งกลุ่มกัลฟ์, กลุ่มบีกริม, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึง บมจ.ปตท.ก็มีการขออนุมัตินำเข้าราคาตลาดจรเช่นกัน
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สิ่งที่รอ รมว.พลังงานคนใหม่มาพิจารณา คือ เรื่องที่ค้างไว้ เช่น โครงการอนุมัติก่อสร้างโรงไฟฟ้าและสายส่งตามแผนพีดีพี การแก้ไข พ.ร.บ. กฟผ.ที่ปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย ทำธุรกิจค้าก๊าซและอื่น ๆ ได้ รวมทั้งโครงการก่อสร้างโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (Floating Storage and Regasification Unit หรือ FSRU) ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ขนาด 5 ล้านตันต่อปี คาดจะลงทุนประมาณ 24,500 ล้านบาท โดยโครงการนี้อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการการ กฟผ. ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งต้องนำเสนอ รมว.พลังงาน และ ครม.เห็นชอบ หากได้รับการอนุมัติ กฟผ.ก็จะเดินหน้าออกประกาศเอกสารเชิญชวน (TOR) ประมูล เพื่อจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการต่อไป ซึ่งจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างมาก โดยตามแผนเดิมจะต้องประมูลก่อสร้างปี 2563 และเสร็จปี 2567
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ล่าสุดมีแนวโน้มที่นายไพรินทร์ อาจจะปฏิเสธการเข้ามาทำงานในตำแหน่ง รมว.พลังงาน.-สำนักข่าวไทย
