ทำเนียบรัฐบาล 13 ก.ค.-โฆษก ศบค. ยืนยันนักธุรกิจชาวปากีสถานไม่ได้ลักลอบเข้าไทย เหตุเอกสารไม่ครบ เกิดจากการประสานงานล่าช้าของหน่วยงาน ขอประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบคนแปลกหน้าในพื้นที่ เร่งแจ้งเจ้าหน้าที่
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) กล่าวถึงกระแสข่าวนักธุรกิจชาวปากีสถานเดินทางโดยเครื่องบินเข้ามาในประเทศไทยและมีเอกสารไม่ครบ ว่า นักธุรกิจและผู้ที่เดินทางมาจากประเทศปากีสถานทั้งหมด 27 คน เอกสารแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เอกสารที่นำเข้ามาในการเดินทาง ซึ่งทุกคนมีครบถ้วน
“แต่ส่วนที่ 2 คือเอกสารที่ประสานระหว่างภายในหน่วยงานของไทยเพื่อให้ปรากฏชื่อของผู้เดินทาง พบว่าเอกสารที่ส่งระหว่างหน่วยงานของไทยมี 19 คนที่เอกสารครบ แต่อีก 8 คนเอกสารขาดหาย เกิดจากการประสานงานล่าช้าของหน่วยงานไทย ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต้องหารือเพื่อปรับปรุงแก้ไขและเชื่อมการประสานงานให้ดี เพื่อให้การเดินทางเรียบร้อย ยืนยันไม่ได้เป็นการลักลอบหรือหลบหนีเข้ามา” โฆษกศบค. กล่าว
ส่วนกรณีชาวต่างชาติหลบหนีโดยช่องทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศไทย นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีรายงานประมาณ 3,000-4,000 คน เป็นตัวเลขสะสมตั้งแต่เดือน มิถุนายนที่ผ่านมา แต่เมื่อพบแล้วจะผลักดันออกไปอยู่ในพื้นที่จริง ๆ ไม่ได้มาก ซึ่งพรมแดนทางบกตามแนวชายแดนของไทยมีความกว้างไกลหลายพันกิโลเมตร ถ้าพบผู้ลักลอบเข้ามา จะส่งไปกักกันตัวแล้วผลักดันออกไป ถ้าเข้ามาในตัวเมือง จะรับมากักขังอยู่ที่ส่วนกลาง ซึ่งมีพื้นที่รับคนได้หลักร้อยหลักพัน ทั้งนี้ พบว่าหลายรายลักลอบเข้ามาอยู่ในไทยนานแล้ว และไม่ได้เป็นแหล่งเพาะเชื้อ อยู่ระหว่างรอผลักดันออกนอกประเทศเท่านั้น
“การป้องกันปล่อยให้เป็นภารกิจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ประชาชนทุกคนต้องฝากเป็นหูเป็นตาแทน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้รับมอบหมายช่วยกันดู ตรงนี้ประชาชนทุกคนช่วยกันดูแลได้ ถ้าพบคนที่ไม่คุ้นหน้า ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที” โฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย