สมุทรปราการ 8 ก.ค. – เปิดใจสาวพนักงานห้างฯ แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษี 32 ล้านบาท อ้างมีชื่อเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท และวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะถูกส่งฟ้องศาล รับเคยคิดค่าตัวตาย แต่ลูกชายคอยให้กำลังใจจนกลับมายืนหยัดได้ ด้านทนายเชื่ออาจมีผู้สวมสิทธิหรือชื่อซ้ำกัน
สำนักข่าวไทยยังคงเกาะติดกรณีพนักงานห้างสรรพสินค้าถูกเรียกภาษี 32 ล้านบาท หลังเข้าร้องสื่อมวลชนและทนายความช่วยเหลือ และวันพรุ่งนี้จะถูกส่งฟ้องศาลมีนบุรีแล้ว ล่าสุดได้เปิดใจกับสำนักข่าวไทยว่าเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ได้ลูกชายมาคอยให้กำลังใจจนกลับมายืนหยัดได้
ความคืบหน้ากรณีนางสาวนันทวรรณ คุ้มศิริ ถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษี 32 ล้านบาท และเมื่อวานนี้ (7 ก.ค.) ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน รวมถึงทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะมีนัดส่งตัวฟ้องศาลมีนบุรี เวลา 09.00 น. วันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) ซึ่งความช่วยเหลือล่าสุดคือ นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความชื่อดัง ได้ยื่นมือช่วยเหลือด้วยการเตรียมทำคำร้องขอเลื่อนการตัดสินออกไปก่อน เพื่อให้ผู้เสียหายได้มีโอกาสหาพยานหลักฐาน
ด้านนางสาวนันทวรรณเปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน หลังทราบว่าต้องมีโทษจำคุกและต้องใช้เงินประกันถึง 200,000 บาท ก็เครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนน้ำหลักลดไปเกือบ 10 กิโลกรัม และเคยคิดฆ่าตัวตาย กระทั่งหลังจากนั้นได้เพื่อนบ้านที่เป็นตำรวจจราจรนำเรื่องราวไปบอกนักข่าวและประสานทนายความช่วยเหลือ
ด้านทนายความที่ให้การช่วยเหลือนางสาวนันทวรรณ บอกว่าจากการตรวจสอบคาดว่าอาจมีผู้สวมสิทธิ หรือชื่อซ้ำกัน และวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) จะเข้ายื่นคำร้องเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน เพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมให้กับอัยการ
สำนักข่าวไทยลำดับเหตุการณ์พบว่านางสาวนันทวรรณ ซึ่งเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ห้างฯ แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ถูกกรมสรรพากรกล่าวหาว่าเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง และกระทำความผิดประมวลรัษฎากร จึงเดินทางไปสำนักงานสอบสวนที่ บก.ปอศ. ก่อนถูกปรับเป็นเงิน 2,000 บาท ทั้งที่ปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นและไม่เคยจดทะเบียนหรือเปิดกิจการใดๆ
หลังจากนั้นเมื่อเดือนเมษายน 2563 ถูกหมายเรียกอีกครั้ง ฐานแจ้งความเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากรกว่า 32 ล้านบาท จึงเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน พร้อมกับยืนกรานปฏิเสธเหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อน
กระทั่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนแจ้งว่าทำสำนวนเสร็จแล้ว เตรียมนำตัวส่งอัยการเพื่อทำความเห็นสั่งฟ้องในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ และทราบว่าหากศาลรับฟ้องต้องใช้เงินประกันตัวมากถึง 200,000 บาท จึงร้องขอให้ช่วยเหลือ
ล่าสุดนางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า สรรพากรพื้นที่ได้ตรวจสอบภาษีตั้งแต่ปี 2552 พบชื่อนางสาวนันทวรรณฯมีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อออกหมายเรียกมาพบเพื่อประเมินภาษีแล้วพบว่าไม่ได้เสียภาษีถูกต้อง จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี ขณะนี้ถือว่าเลยขั้นตอนดังกล่าวมาแล้ว ต้องขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะดำเนินการฟ้องร้องอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังแนะนำว่าจำเลยคดีทางภาษีต้องหาหลักฐานยืนยันตัวตนให้ได้ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกับบริษัทดังกล่าว ซึ่งกระทำผิดหลีกเลี่ยงภาษี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะการหลีกเลี่ยงภาษีเป็นคดีอาญา และต้องหารือกับทนายความเพื่อหาทางออกเรื่องดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย