สธ. 8 ก.ค.–กรมอนามัย สำรวจบริการต่างๆ หลังเปิดทำการตามปกติ ห่วงคนไทยการ์ดตก สวมหน้ากากอนามัย ในระบบขนส่ง – รถขนส่งสาธารณะลดลง ทั้งที่มีความแออัด เช่นเดียวกับการเดินตลาดพบคนสวมหน้ากากอนามัยน้อย ย้ำการสวมหน้ากาก และล้างมือเป็นเครื่องป้องกัน อย่างดีจากโควิด และโรคระบบเดินทางหายใจ
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า ครบรอบ 1สัปดาห์ผ่อนปรนระยะ 5 กรมอนามัยได้ทำการสำรวจสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรนเพิ่มเติม โดยได้ไปดูสถานที่จัดการประชุม สัมมนาและนิทรรศการ ทั้งในโรงแรม และศูนย์ประชุม 222 แห่ง พบว่าให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างดี แต่ยังต้องเพิ่มรอบการทำความสะอาดในพื้นที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ
ส่วนการสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าในพื้นที่สาธารณะ พบสวมร้อยละ 94-95 จึงอยากย้ำให้มีการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกมานอกบ้าน ส่วนสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ 51แห่ง ขณะนี้บางสถานที่งดให้ญาติเยี่ยม เพื่อลดความแออัด แต่ยังต้องเน้นย้ำการสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ทุกครั้ง ผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มเล็ก และเข้าไปอยู่ในสถานที่เกิน 14 วัน ถือว่า ปลอดภัยระดับหนึ่ง การสวมหน้ากากอนามัยอาจอึดอัด สามารถผ่อนปรนการสวมหน้ากากได้บ้างบางขณะในกิจกรรมที่ไม่แออัด แต่บุคคลภายนอกผู้ดูแล ต้องสวมหน้ากากอนามัย สม่ำเสมอ และมีการเว้นระยะที่พอ ทั้งเรื่องของการเตียง การทำกิจกรรม ทั้งนี้รวมถึงคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านด้วย
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อไปว่า สถานที่ขนส่งสาธารณะ เด็กคนทำงาน การทำความสะอาด ทำได้ไม่ง่าย มีการเดินรถ อยากเน้นย้ำคนใช้บริการว่า ต้องสวมหน้าอนามัย หน้ากากผ้าทุกครั้ง ที่ใช้บริการรถหรือระบบขนส่งสาธารณะ เพราะพบว่ามีการสวมแค่ร้อยละ 89 น้อยกว่าที่สาธารณะอื่น ตอนนี้ยิ่งมีการผ่อนปรนระยะห่างภายในรถ จุดที่นั่ง ยิ่งต้องมีการสวมหน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือ และอยากให้ผู้ประกอบการ ผู้ดูแล ต้องคอยช่วยย้ำลงทะเบียน ทุกครั้งใช้บริการ ระบบขนส่ง จะได้ติดตาม หากมีการติดเชื้อในระบบขนส่ง
ส่วนตลาดจากการสำรวจ พบว่ามีความแออัด การจัดการเรื่องระยะห่าง ทุกคนต้องระมัดระวัง เพิ่มระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย สม่ำเสมอ เพราะจากสำรวจการสวมหน้ากากอนามัย มีแค่ ร้อยละ 70 แต่การล้างมือยังสม่ำเสมอ ทั้งนี้ห่วงเข้าสู่ฤดูฝน ความชื้น มีหลายโรค ทั้งโรคจากระบบทางเดินหายใจ และแมลง ดังนั้นต้องเพิ่มการทำความสะอาด และการสวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง
พญ.พรรณพิมล กล่าวด้วยว่า ส่วนการใช้บริการร้านอาหาร พบว่าการสวมหน้ากากอนามัย ทำได้ยากเพราะต้องรับประทานอาหาร การล้างมือทำได้ดี แต่เรื่องการเว้นระยะห่างทำได้น้อย บางคนใช้ร้านอาหารเป็นที่พบปะพูดคุย ห่วงการใช้ร้านอาหารสังสรรค์ เกรงต่อไปอาจต้องกลับไปซื้ออาหารรับประทานที่บ้านเหมือนเดิมเพราะความสุ่มเสี่ยง ไม่มีระยะห่างที่เหมาะสม
ส่วนการเปิดโรงเรียนมาครบ 1 สัปดาห์ ไม่พบปัญหา แต่ยังต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป พร้อมย้ำความจำเป็นของการเช็คอิน ด้วยระบบ “ไทยชนะ” ช่วยแจ้งเตือน เฝ้าระวังหากมีการติดเชื้อโควิด-19 ในการใช้บริการกิจกรรมและกิจการ .-สำนักข่าวไทย