โตเกียว 5 ก.พ. – หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน ของญี่ปุ่นรายงานว่า นิสสันและฮอนด้า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น อาจจะยกเลิกการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับนิสสันทำให้เกิดความไม่แน่นอนให้กับบริษัทอย่างรุนแรง
อาซาฮี ชิมบุน รายงานในฉบับวันนี้อ้างแหล่งข่าวหลายแหล่งที่ให้ข่าวตรงกันว่า คณะกรรมการบริหารชองนิสสันและฮอนด้า ต่างจะประชุมหารือกันภายในบริษัทในเร็ว ๆ นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการยกเลิกการเจรจาควบรวมกิจการ รายงานระบุว่า สำหรับฮอนด้าแล้วมองว่า การเจรจาไม่คืบหน้าไปอย่างที่คาดหมายไว้ มูลค่าในตลาดของฮอนด้าอยู่ที่ 47,000 ล้านดอลลาร์ สูงว่า นิสสันถึง 5 เท่า อาซาฮี รายงานว่า ฮอนด้าลองเสนอให้นิสสันมาเป็นบริษัทย่อยในเครือของฮอนด้า แต่เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่นิสสันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และเมื่อเดือนธันวาคม ทั้งสองบริษัทกล่าวว่า มีเป้าหมายจะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งภายในเดือนสิงหาคม 2026 และเดิมทีทั้งสองบริษัทมีแผนการที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของการรวมกิจการภายในสิ้นเดือนมกราคม แต่ก็มาเลื่อนเป็นกลางเดือนกุมภาพันธ์
การเจรจาของสองบริษัทเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐใช้มาตรการภาษีกับเม็กซิโก ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า มาตรการภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับนิสสันมากกว่า ฮอนด้า หรือ โตโยต้า
ฮอนด้า บริษัทรถยนต์อันดับ 2 ของญี่ปุ่นและนิสสัน บริษัทรถยนต์อันดับ 3 ของประเทศ ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า ทั้งสองบริษัทกำลังเจรจาเพื่อควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น และยังเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับตัวเพื่อรับมือกับการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่กำลังขยายตัวเข้ามาในตลาดรถยนต์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะค่ายบีวายดี การควบกิจการของฮอนด้าและนิสสันจะทำให้เกิดผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลกในด้านยอดจำหน่าย โดยอันดับ 1 คือโตโยต้า ของญี่ปุ่นและอันดับ 2 คือ โฟล์กสวาเกน ของเยอรมนี.-813.-สำนักข่าวไทย