ลูกจ้าง สธ.เฮ บรรจุข้าราชการกว่า 2 หมื่นตำแหน่ง

30 มิ.ย. – มีข่าวดีสำหรับลูกจ้างสาธารณสุข เพราะล่าสุดมีการบรรจุลูกจ้างเป็นข้าราชการ ซึ่ง รมว.สาธารณสุข เผยการบรรจุลอตแรกนี้มีกว่า 20,000 ตำแหน่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายคนที่ได้บรรจุ ยอมรับห่วงเพื่อนๆ ที่ไม่ได้บรรจุ และอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ  


น.ส.สิรินันท์ สร้อยสุมาลี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลประชาธิปัตย์ จ.ปทุมธานี ที่วันนี้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ บอกว่า อยากขอบคุณ รมว.สาธารณสุข ที่ได้ช่วยเหลือให้ได้รับบรรจุเป็นข้าราชการ เพราะส่วนตัวทำงานมา 2 ปี และช่วงโควิด-19 ก็ทำงานหนักมาตลอด ส่วนตัวแม้ดีใจได้บรรจุ แต่ยังห่วงเพื่อนบางคนทำงานไม่ตรงสาย รวมถึงเป็นสายงานสนับสนุน ทำให้ไม่ได้รับการบรรจุในล็อตนี้


เช่นเดียวกับนายเจนญ์จิรัฎฐ์ นาคสิงห์ทอง สาธารณสุขปฏิบัติการงานด้านสุขาภิบาล และป้องกันโรคโรงพยาบาลเดียวกับ น.ส.สิรินันทน์ บอกว่า ทำงานมา 2 ปี ช่วงโควิด-19 ปฏิบัติงานด้านระบาดวิทยาเก็บข้อมูล ผู้ป่วย ผู้ต้องสงสัย หรือผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ดีใจที่วันนี้ได้รับการบรรจุ แต่ก็รู้สึกสงสารเพื่อนร่วมงานที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยงานสนับสนุน แต่ไม่ได้รับการบรรจุ

ด้านนางกฤษณา นิ่มคง พนักงานธุรการ หนึ่งในคนที่ไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการในลอตนี้ บอกว่า แม้ทำงานด้านธุรการ แต่ช่วงโควิดได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลืองานเวชระเบียน และต้องมาช่วยคัดกรองผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นบุคลากรหน้าด่าน ที่ผ่านมาทำด้วยใจ ทำให้ตอนนี้อดน้อยใจไม่ได้ ที่ผ่านมาคิดเสมอว่าแม้เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ของกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ และตั้งแต่เริ่มงานจนถึงขณะนี้ทำงานมาแล้ว 13 ปี อยากได้รับการเหลียวและบรรจุเช่นกัน 


ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การบรรจุข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้ ได้รับการสนันุนจากนายกรัฐมนตรี 45,684 ตำแหน่ง แบ่งรอบบรรจุเป็น 2 รอบ โดยเมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.) มีการบรรจุพนักงานไปมากถึง 20,393 ตำแหน่ง ยอมรับความพยายามบรรจุข้าราชการครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ถือว่าเป็นครั้งที่สมเหตุสมผลมากที่สุด เพราะว่ามาในจังหวะที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันถึงภาระงานที่มากของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าการบรรจุเป็นไปตามหลักเกณฑ์และกรอบที่วางไว้ และจำเป็นต้องให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาสมองไหล

ส่วนบุคลากรสายงานฝ่ายสนับสนุนที่ยังไม่ได้บรรจุเพราะไม่ตรงสายงาน ยืนยันว่าเข้าใจถึงความยากลำบาก แต่ก็อยากให้เข้าใจว่าการขออัตรากำลังเป็นเรื่องยาก และกระทรวงสาธารณสุข โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำลังพยายามทำอยู่ หากมีตำแหน่งพนักงานประจำเกษียณอายุ จะเร่งดำเนินการจัดสรรให้ทันที ยอมรับไม่อยากให้เกิดกรณีลูกจ้างหน่วยงานสนับสนุนนัดหยุดงานประท้วง เพราะที่ผ่านมาทุกคนเข้าใจและเสียสละทำงานมาโดยตลอด. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง