กทม.25 มิ.ย.-สำนวนคดีโกงที่ดินวัด 3,800 ไร่ ที่จันทบุรี กว่า 5,000 หน้า ถึงมืออัยการแล้ว กองปราบ มั่นใจพยานหลักฐานแน่นหนาเอาผิดได้
พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม นำสำนวนคดีพิพาทที่ดิน 3,800 ไร่ ในจังหวัดจันทบุรี ของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย มูลค่า 2,430 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของที่ดินที่แท้จริงได้มาแจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2561 หลังจากนั้นกองปราบปรามได้รับคดีไว้เป็นคดีอาญาที่ 21/2561 และมีการสืบสวนสอบสวนเรื่อยมา โดยสำนวนคดีนี้มีจำนวน 12 แฟ้ม 5,585 หน้า มีเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับที่ดินของมูลนิธิฯ, เอกสารทางราชการ, พยานวัตถุ, และสำนวนการสอบปากคำพยานบุคคลกว่า 100 ปาก ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา เพื่อมีความเห็นทางคดี หรือจะให้สืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
คดีนี้มีผู้ต้องหา 2 คนคือนายบุญช่วย เจริญสถาพร และนายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันยักยอก, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน , และร่วมกันเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีแพ่งและคดีอาญา เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน
พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า สำนวนคดีทั้งหมดที่ส่งมอบให้พนักงานอัยการ มีพยานหลักฐานการกระทำความผิดของผู้ต้องหาชัดเจน เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ได้จากการบริจาคจากประชาชนทั่วประเทศ เพื่อมอบให้ทางมูลนิธิฯนำไปใช้ประโยชน์ทางพุทธศาสนา แต่กลุ่มผู้ต้องหากลับนำไปใช้ผิดประเภท จนนำไปสู่เหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดจันทบุรี ตำรวจมีหลักฐานสำคัญเป็นเอกสารทางราชการที่สนับสนุนและสอดคล้องไปกับคำให้การของพยาน ที่พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ ทั้งหมดให้การไปในทิศทางเดียวกันว่า ผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิดมั่นใจว่าพยานหลักฐานในสำนวนคดีจะสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้แน่นอนหลังจากนี้หากทางพนักงานอัยการมีความเห็นให้สอบสวนในประเด็นใดเพิ่มเติม ก็จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้ เพื่อให้การดำเนินคดีเกิดความรอบคอบและรัดกุมมากที่สุด ส่วนผู้ต้องหาจะแก้ต่างในชั้นศาลอย่างไร เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะซักค้านในชั้นศาล แต่เชื่อว่าสำนวนคดีที่ทำไปมีความรัดกุมและเพียงพอต่อการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม.-สำนักข่าวไทย