กทม.10 มิ.ย.- กองปราบเตรียมคุมตัว“บุญช่วย-ลูกชาย”คดีฮุบที่ดินธรณีสงฆ์ 3,800 ไร่ จ.จันทบุรี ฝากขังพรุ่งนี้ พร้อมค้านประกัน มั่นใจหลักฐานเอาผิดได้
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการจับกุมนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี และนายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี บุตรชาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา รัชดาฯ ข้อหา เบิกความเท็จต่อศาล,ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ และร่วมกันยักยอกทรัพย์ คดีฮุบที่ดิน 3,800 ไร่ ของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ใน จ.จันทบุรี มาเป็นของตัวเองว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังให้การปฎิเสธ และขอไม่ให้ข้อเท็จจริง โดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 1,000,000 บาทขอประกันตัว แต่ตำรวจไม่ให้ประกันในชั้นสอบสวน เนื่องจากความเสียหายในคดีนี้มีมากถึง 3,500 ล้านบาท โดยจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 10.00 น.
พ.ต.อ.เอนก ยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจน ทั้งพยานบุคคลกว่า 100 ปาก ทั้งประชาชน พระสงฆ์ เจ้าหน้าที่รัฐที่ทราบเหตุการณ์ รวมทั้งเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการสร้างหลักฐานเท็จ สามารถเอาผิดทั้ง 2 คนได้แน่นอน แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาก็ไม่เป็นอุปสรรค เนื่องจากพยานบุคคลทั้งหมดให้การสอดคล้องกัน และต่างยืนยันว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของมูลนิธิฯ ได้ซื้อขายที่ดินกับนายสมพล โกศลานันท์ เจ้าของเดิม ตั้งแต่ปี 2513 จากการตรวจสอบที่ดินทั้งหมดกว่า 3,800 ไร่ พบว่าเป็นที่ดินที่มีเอกสิทธิ์ นส.3 กว่า 3,500 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นที่ว่างเปล่าไม่มีเอกสิทธิ์ แต่อยู่ในที่ดินผืนเดียวกัน จึงมีการซื้อขายแบบเหมาแปลงในราคา 12 ล้านบาทในขณะนั้น แต่มูลนิธิฯ ได้ทยอยจ่ายเงินไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท แม้จะจ่ายไม่ครบ แต่ก็ถือว่าได้ส่งมอบที่ดินให้กับมูลนิธิฯแล้ว จึงถือว่ามูลนิธิฯเป็นผู้ครอบครองอย่างแท้จริง
รองผู้บังคับการปราบปราม ยังบอกว่า กองปราบสืบสวนคดีนี้มาตั้งแต่ปี 2561 โดยได้เชิญพลตำรวจตรี ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการจเรตำรวจ มาให้ปากคำซึ่งก็ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่าพลตำรวจตรีธารินทร์จะก่อเหตุยิงในศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อปลายปี 2562 และขณะนี้การสืบสวนสอบสวนเสร็จสิ้นไปกว่า 95% แล้ว คาดว่าจะสรุปสำนวนพร้อมความเห็นฟ้องให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นทางคดีได้เร็ววันนี้ คดีนี้จะไม่ไปก้าวล่วงการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดจันทบุรีที่มีการพิพากษาคดีโอนกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินไปให้นายบุญช่วย และคดีอื่น แต่ตำรวจกองปราบทำไปตามพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ถึงผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ครอบครัวและคนใกล้ชิด มาติดต่อขอเยี่ยมคนทั้งสอง พร้อมระบุว่า จากการพูดคุยกับ นายบุญช่วย และลูกชาย ไม่ได้เรียกร้องหรือต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ เมื่อคืนที่ผ่านมาก็นอนหลับได้ตามปกติ ส่วนเรื่องสุขภาพของนายบุญช่วย ก็เป็นไปตามวัยที่อายุมากส่วนเรื่องคดีความไม่ขอพูดในรายละเอียด ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย