ผลสำรวจชี้คนไทยยัง “ตั้งการ์ด” ป้องกันโควิด-19

กทม.18มิ.ย.–ผลสำรวจชี้คนไทยยังตั้งการ์ดป้องกันโควิด-19 และพบชีวิต ประจำวันด้านสุขภาพเปลี่ยนไปมากที่สุด รองลงมาคือด้านการบริโภคอาหารและการเดินทาง  



กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ร่วมกับองค์การอนามัยโลก สำนักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมป้องกันตนเองของประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลัง การผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรค สัปดาห์ล่าสุดระหว่างวันที่ 29 พ.ค.-4 มิ.ย.63 โดยมีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 15,866 ราย พบว่า ประชาชนมีภาพรวมพฤติกรรมป้องกันตนเองอยู่ที่ 75.7% 


โดยหากแยกตามรายมาตรการ พบว่า การใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลาเป็นพฤติกรรมที่ประชาชนปฏิบัติมากที่สุดถึง 91.5% รองลงมา ได้แก่ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ 83.9%  กินอาหารร้อนและใช้ช้อนกลางของตนเอง 83.7% ระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่นในระยะน้อยกว่า 2 เมตร 66% และระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก 58.8% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมป้องกันตนเองที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน กับเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 69.6% ปฏิบัติเหมือนเดิม และมีอีก 16% ที่ปฏิบัติมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม พบว่าในส่วนผู้มีพฤติกรรมป้องกันตัวเองน้อยลงอีก 14.4% นั้น กว่าครึ่งหรือ 52.7% ของจำนวนดังกล่าวให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความกังวลว่าจะติดเชื้อลดลงแล้ว และอีก 46.9% ตอบว่าเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีอีก 33.6% ที่ให้เหตุผลว่าลืมที่จะปฏิบัติ

สำหรับสถานที่ที่ประชาชนเดินทางไปในช่วงนี้ เป็นการเดินทางไปทำงาน 68.2% ไปซูเปอร์มาร์เก็ต64.3% ไปตลาดสด61% ร้านอาหารแบบนั่งทาน 34.9% ส่วนการเดินทางไปศาสนสถาน สวนสาธารณะและฟิตเนส/โรงยิมในร่มอยู่ที่17.9%, 11.2% และ 7.2% ตามลำดับ โดยสถานที่เหล่านี้พบว่าซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นสถานที่ที่จัดให้มีการวัดอุณหภูมิร่างกายมากที่สุดถึง 91.7% รวมทั้งมีการจัดให้มีที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์สูงถึง 80.2% 


อย่างไรก็ดี พิจารณาการพบเห็นมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อของสถานที่ต่างๆ พบว่าในภาพรวมแล้ว มาตรการที่ทำได้ดีคือการวัดอุณหภูมิร่างกายและการจัดให้มีที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งในภาพรวมสามารถทำได้ถึง 71.8%  และ 73.6%  ตามลำดับ  แต่มาตรการอื่นๆสามารถพบเห็นได้ไม่ถึง 50% โดยมาตรการที่พบเห็นได้น้อยที่สุดคือการทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อในสถานที่และบนพื้นผิวสัมผัส มีการพบเห็นเพียง 26.3% การจัดระยะห่างระหว่างบุคคล พบเห็น 36.4% ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากาก 40.7% และพนักงานสวมหน้ากาก 41.2%

ผลสำรวจยังพบว่าในการใช้ชีวิตของคนไทยทุกวันนี้มีเพียง 2% ที่ยังใช้ชีวิตเหมือนก่อนมีโควิด-19 ส่วนที่เหลือมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป โดยมีการปฏิบัติตามแนวทางป้องกันต่างๆ และออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น 35.8% อีก 39.1% มีการปฏิบัติพฤติกรรมป้องกันตนเอง ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงการพบปะญาติเพื่อนฝูง ส่วนอีก 12.2% มีการปฏิบัติพฤติกรรมป้องกันตนเอง ออกจากบ้านน้อยมากและแทบไม่พบปะคนนอกบ้านเลย และมีอีก 10% ที่ปฏิบัติพฤติกรรมป้องกันตนเอง แต่ยังออกจากบ้านตามปกติ

ขณะเดียวกัน หากถามว่าโควิด-19 เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันในด้านในบ้าง พบว่าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพถึง 79.7% รองลงมาคือด้านการบริโภคอาหาร62.5% ด้านการเดินทาง62% ด้านครอบครัว56.5% ด้านการเงิน 42.5% ด้านการทำงาน 33.8% และด้านการเรียน 27.9%

ส่วนความเห็นต่อการผ่อนคลายมาตรการในเดือน มิ.ย. ของ 3 กลุ่มกิจการที่คาดว่าจะได้รับการผ่อนคลายในเฟส 4 ในกลุ่มที่ 1 การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา พบว่าประชาชนกว่า 35.1% คิดว่ายังไม่ควรให้เปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัยในเดือน มิ.ย.นี้  

ส่วนกลุ่มที่ 2 กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต พบว่า ประชาชน 65.1% ยังไม่อยากให้เปิดกิจกรรมส่งเสริมการขาย งานแสดงสินค้า งานอีเว้นต์ ส่วนการแข่งขันกีฬาเป็นทีมมากกว่า 3 คน ก็มีประชาชน 56.1% ที่ยังไม่อยากให้เปิด เช่นเดียวกับโรงภาพยนตร์ ศูนย์เด็กเล็ก และการจัดอบรม สัมมนา นิทรรศการ ก็มีประชาชนกว่าครึ่งที่ยังไม่อยากให้เปิดในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ 

ขณะที่กลุ่มที่ 3 กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ หรือสันทนาการ พบว่า ประชาชนประมาณ 61.8% ยังไม่อยากให้เปิดสนามมวยและสถานบริการ ผับ บาร์ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

มือฆ่า 3 ศพ ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่น

มือฆ่า 3 ศพ เปิดปากครั้งแรก ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป รู้ว่าไม่สมควร ยืนยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่นเพราะแม่เด็กยื้อแย่งปืน

จับแล้วหนุ่มใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่เสียชีวิต

ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รวบตัว “นายก๊อง” ได้แล้ว หลังก่อเหตุใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่จนเสียชีวิต เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

ตร.ออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ ดับปริศนา

ตำรวจออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ เสียชีวิตปริศนาในโรงแรม พบเข้าไทยถูกกฎหมาย ชุดสืบฯ เตรียมรวบตัวเร็วๆ นี้ หลังพบพิกัดยังอยู่ในพื้นที่ กทม. เบื้องต้นทราบว่าเจ้าตัวไม่พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ผู้ช่วย รมต.จีน บินลงพื้นที่แม่สอด เตรียมรับคนจีนกลับประเทศ

นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน บินลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เตรียมข้ามฝั่งพบ รมต.มหาดไทยของเมียนมา รับคนจีนกลับประเทศจีน