ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจ 10 อันดับยอดฮิต – ยอดแย่ ปี 2567

ผลสำรวจยอดฮิต

1 ม.ค.- ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจ 10 อันดับอะไรยอดฮิต – อะไรยอดแย่ แห่งปี 2567 มาดูกันว่าปีที่ผ่านมา มีอะไรที่ฮิตสุดๆ และมีอะไรที่ถูกจดจำในทางลบบ้าง


10 อันดับยอดฮิตแห่งปี 2567

  • อันดับ 1.รายการโหนกระแส ได้ 82.7%
  • อันดับ 2.นักกีฬาทีมชาติไทย วอลเลย์บอลหญิงและฟุตบอลทีมชาติไทย ได้ 81.5%
  • อันดับ 3.เทคโนโลยีโซเชียลมีเดีย ได้ 80.3%
  • อันดับ 4.ท่องเที่ยวสายมูและไหว้พระ ได้ 77.2%
  • อันดับ 5.กาแฟไทยและชาไทย ได้ 74.1%
  • อันดับ 6.ขนมไทย เช่น ลอดช่อง, ทับทิมกรอบ, บัวลอย, ขนมครก, ข้าวเหนียวมะม่วง ได้ 69.3%
  • อันดับ 7.ท่องเที่ยวชุมชนและท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้ 68.1%
  • อันดับ 8.ออกกำลังกายและไลฟ์สไตล์สุขภาพ ได้ 65.5%
  • อันดับ 9.แฟชั่นและความงาม ได้ 58.1%
  • อันดับ 10.ซีรีส์เกาหลี ได้ 50.2%

10 อันดับยอดแย่แห่งปี 2567


  • อันดับ  1.คอนเทนท์ขยะในโซเชียลมีเดียและคดีแบงค์ เลสเตอร์  73.6%
  • อันดับ 2.ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน  71.8%
  • อันดับ 3.สื่อเป็นพิษและความรุนแรงในสื่อ  70.4%
  • อันดับ 4.ปัญหายาเสพติด  68.9%
  • อันดับ 5.ปัญหาฝุ่น PM 2.5  64.2%
  • อันดับ 6.ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  63.7%
  • อันดับ 7.ทุจริตคอร์รัปชั่น  60.3%
  • อันดับ 8.ภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและหมอกควัน  58.4%
  • อันดับ 9.ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการเลือกปฏิบัติ  57.3%
  • อันดับ 10.ความขัดแย้งทางการเมือง  48.9%

ผลโพลนี้ ผู้สำรวจความคิดเห็นยังวิเคราะห์ข้อเสนอแนะภาพรวมว่า เมื่อผลสำรวจออกมาพบยว่า สิ่งที่ยอดแย่อันดับ 1 ของปีนี้ เป็นเรื่องของคอนเทนท์ขยะในโซเชียลมีเดียและคดีแบงค์ เลสเตอร์  สะท้อนว่าสังคมไทย ต้องมีการควบคุมคุณภาพเนื้อหาสื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ในหมู่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับผลกระทบของคอนเทนต์ขยะ รวมถึงปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำ ยังสะท้อนว่าส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษา การเพิ่มการเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูงให้แก่เยาวชนในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมการแข่งขันและความท้าทายในอนาคต

ขณะที่สิ่งที่ยอดฮิต เช่น ขนมไทยและกาแฟไทยมีความนิยมสูง ควรส่งเสริมการตลาดและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมไทย รวมทั้งจัดงานเทศกาลหรือการอบรมเพื่อสืบทอดและเผยแพร่ภูมิปัญญาไทยไปยังเวทีโลก และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่องเที่ยว การท่องเที่ยวชุมชนและเชิงอนุรักษ์ได้รับความนิยม รัฐควรลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น พัฒนาการเข้าถึง การส่งเสริมการตลาดออนไลน์ และการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]