ท่องเที่ยวฯรับลูกหลัง ครม.เคาะ 3 แพคเกจท่องเที่ยว

สำนักข่าวไทย 16 มิ.ย.-ท่องเที่ยวฯ รับลูก หลัง ครม.เคาะในหลักการ 3 แพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยว ผู้ว่าการ ททท. หารือปรับรายละเอียดเพิ่มเติม คาดเงินสะพัด 7 หมื่นล้านบาท


ภายหลังที่ประชุม ครม.เห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ จำนวน 3 แพคเกจ เพื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวมีกรอบเวลาดำเนินการ 4 เดือน (ก.ค.-ต.ค.63) วงเงิน 20,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ วงเงิน 1 ล้านล้านบาท นาย ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า หลัง ครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว ทาง ททท. ก็จะนำไปปรับเพิ่มเติมรายละเอียด ก่อนจะนำเสนอ ครม. และเมื่อได้รับการอนุมัติ คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวได้ในอีกสองสัปดาห์ ทั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศให้ฟื้นตัว มีเงินรายได้สะพัดทั้งทางตรงและทางอ้อมประมาณ 70,000 ล้านบาท


สำหรับแพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ มีชื่อเต็มๆว่า “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ซึ่ง 3 แพคเกจ มีรายละเอียด ตามนี้คือ


1.”กำลังใจ” เพื่อตอบแทนบุคลากรแนวหน้าในการรับมือการระบาดไวรัสโควิด-19 อาทิ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 1.2 ล้านคน สนับสนุนงบศึกษาดูงานแบบอบรมสัมมนา 2 วัน 1 คืน ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวในประเทศ โดยใช้งบประมาณ 2,400 ล้านบาท หรือรัฐจ่ายเงินให้ 2,000 บาทต่อคน

2. “เราไปเที่ยวกัน” ช่วยเหลือโรงแรมและที่พักที่ถูกกฎหมาย เป็นระบบร่วมกันจ่าย เป้าหมายห้องพัก 5 ล้านห้อง โดยรัฐบาลช่วยจ่าย 40% ต่อคืน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน สูงสุดไม่เกิน 5 คืน หรือ 15,000 บาท และสนับสนุนเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-วอลเล็ท ให้ 600 บาทต่อคืน สูงสุดไม่เกิน 5 คืน หรือ 3,000 บาท ผู้ที่จะได้รับสิทธิต้องเป็นคนไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป ให้นำไปใช้จ่ายกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ สปา ซื้อของที่ระลึก ร้านอาหาร 

3. “เที่ยวปันสุข” ช่วยเหลือสายการบินต้นทุนต่ำ รถเช่า ซึ่งการดำเนินการจะคล้ายกับแพคเกจเราไปเที่ยวกัน เป็นโครงการระบบร่วมกันจ่ายระหว่างนักท่องเที่ยวและรัฐบาล โดยผู้ใช้บริการออกค่าตั๋ว 60% รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายเดินทางอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาท ส่วนสายการบินที่ร่วมโครงการให้กำหนดราคาตั๋วไป-กลับในประเทศ ในราคา 2,500 บาท.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง