“ศักดิ์สยาม” ดันแบริเออร์ยางพารา เซ็นเอ็มโอยู ก.เกษตรฯ พรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – จับตา!! พรุ่งนี้ ก.คมนาคม จับมือ ก.เกษตรฯ ลงนาม MOU ยกระดับราคายางพารา เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง เรื่องอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยจากยางพารา ระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยกระดับราคายางพาราและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ด้วยการนำน้ำยางพาราของเกษตรกรไทยมาใช้ผลิตแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีตและหลักนำทางยางธรรมชาติ


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรชาวสวนยางให้สามารถพัฒนาและแปรรูปเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นนั้น และกระทรวงคมนาคมได้ให้กรมทางหลวงชนท (ทช.) นำไปศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางดิบให้มาเป็นแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ (Rubber Fender Barrier: RFB)  และทำหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP)เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ถนนของทั้งกรมทางหลวง (ทล.) และถนนกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ขนาด 4 ช่องจราจรกว่า 12,000 กม. ซึ่งระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี  (ปี 63-65) จะใช้น้ำยางพาราดิบจากเกษตรกรชาวสวนยางรวมประมาณ 1 ล้านตันใน 3 ปี ซึ่งการลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันพรุ่งนี้  เพื่อร่วมมือกันในการนำผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ ทล. และ ทช.ไปจดสิทธิบัตรแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ และใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) พร้อมมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ไปศึกษาวิธีการใช้น้ำยาเคลือบแผ่นยางพาราแบริเออร์ เพื่อยืดอายุเวลาจาก 3 ปี เป็น 5 ปี รวมถึงศึกษาการนำมาปรับปรุงใช้ใหม่อีกครั้ง (รีโนเวท) เมื่อหมดอายุการใช้งานแล้ว


นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผลิตภัณฑ์แผ่นยางหุ้มแบริเออร์ที่ใช้ในการกั้นเกาะกลางถนน และ หลักนำทางยางธรรมชาติที่จะร่วมกับกระทรวงเกษตรนั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ถนนของทั้งกรมทางหลวงและถนนกรมทางหลวงชนบท ขนาด 4 ช่องจราจรกว่า 12,000 กม.จะแบ่งเป็นถนนของ ทล. ประมาณ 11,000 กม. และ ถนนของ ทช. ประมาณ 1,000 กม. ซึ่งระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (ปี 63-65) ใช้วงเงินประมาณ 85,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

สงขลาประกาศเขตภัยพิบัติแล้วทุกอำเภอ เร่งช่วยน้ำท่วมวิกฤติ

ผู้ว่าฯ สงขลา ลงนามประกาศให้ทั้ง 16 อำเภอ เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัยและวาตภัย เพื่อเร่งรัดให้ความช่วยเหลือประชาชน บรรเทาความเดือดร้อน โดย อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ยังมีระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้น

จ.ยะลา น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบหลายสิบปี

จ.ยะลา โดยเฉพาะ อ.เมือง ปีนี้น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี และวันนี้ (28 พ.ย.) น้ำยังขยายวงกว้างอีกหลายจุด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 120,000 คน ถนนถูกน้ำท่วมแล้ว 158 สาย ใน 8 อำเภอ 58 ตำบล

ศาลไม่ให้ประกันเมีย-ลูก “หมอบุญ” ชี้ความเสียหายสูง หวั่นหลบหนี

ศาลอาญาไม่ให้ประกันภรรยา-ลูก “หมอบุญ” ชี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ความเสียหายสูง เกรงหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนปมปลอมลายมือชื่ออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์

มือยิง 3 ศพ ขอโทษ-สำนึกผิด อ้างบันดาลโทสะ

ตำรวจแถลงข่าวจับกุม “สามารถ” ผู้ต้องหายิง 3 ศพ ในพื้นที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู หลังจากติดต่อมอบตัว พร้อมยอมรับผิด ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต อ้างบันดาลโทสะจึงก่อเหตุ และไม่มีอาการคลั่งตามที่เป็นข่าว