นครศรีธรรมราช 8 มิ.ย.- ฮ.ตำรวจท่องเที่ยวลงจอดลานวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) กลายเป็นกระแสโยงสั่งย้าย ผบก.ทท. 3 ล่าสุดคณะกรรมการวัดออกมาชี้แจงเป็นการมาติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยว หลังคลายโควิด-19 และไม่เกี่ยวกับจุดประทัดแก้บน
กรณีมีการโพสต์โซเชียลเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติลงจอดในวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อแก้บนและจุดประทัด 3 ล้านนัด ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เนื่องจากเป็นยานพาหนะทางราชการที่ไม่เหมาะสมมาใช้ส่วนตัว ต่อมามีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 เข้าประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ทำให้มีกระแสการโยงถึงเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวนั้น
วันนี้ (8 มิ.ย.) บรรยากาศภายในวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) ยังคงมีประชาชนมากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขอพรและแก้บนไอ้ไข่ ซึ่งก่อนจะเข้าวัดจะมีเจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรองตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ท่ามกลางเสียงประทัดดังเป็นระยะของผู้ที่มาแก้บน และบริเวณจุดขายของยังไม่มีผู้ค้ามาตั้งร้าน
นายศุภชัย โจมฤทธิ์ ตัวแทนคณะกรรมการวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) อ.สิชล กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ของผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 มาจอดในวัดเจดีย์เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการมาเพื่อตรวจสอบและชี้แนะแนวทางรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามายังวัดเจดีย์ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทางคณะเจ้าหน้าที่ได้ประสานมายังวัดตลอด สอบถามเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว และวันนั้น พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ มีภารกิจที่ อ.ท่าศาลา จึงประสานมายังวัดเพื่อจะมาดูการรองรับนักท่องเที่ยว และสามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงได้หรือไม่
“เพราะในอนาคตหากมีนักท่องเที่ยวเจ็บป่วยต้องเคลื่อนย้ายด่วน ถ้ามีลานจอด ฮ. ได้ก็จะเป็นสากลยิ่งขึ้น ทางวัดได้บอกไปว่ามี และคณะก็มาเคลียร์สถานที่ก่อน 3 ชม.ที่ ฮ.จะลง โดยเป็นสถานที่ที่ไม่กระทบกับวัดและคนที่มาในวันนั้น เมื่อคณะมาถึง วัดได้รายงานการปฏิบัติตามแนวทางอ้างอิงที่รัฐกำหนด ผู้การท่องเที่ยวยังชี้แนะให้เพิ่มช่องทางเข้า-ออก และแยกช่องคนไทยกับต่างชาติ ซึ่งท่านให้คำแนะนำที่ดีแก่ทางวัด เพราะมองว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามามากขึ้น”
นายศุภชัย กล่าวว่า ที่มีสื่อไปโยงว่ามาแก้บนนั้น ไม่เกี่ยวกัน และไม่ได้มาจุดประทัด 3 ล้านนัด ตามที่เป็นข่าว การจุดประทัดแก้บนในวันนั้น 3 ล้านนัด เป็นของชาวต่างชาติที่แจ้งมายังผู้ค้าไว้แล้ว และจุดประทัดเสร็จไปก่อน 20 นาที ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับคณะของ พล.ต.ต.กฤษศักดิ์
ถือว่าเป็นการนำเรื่องมาโยงกันโดยไม่มีมูลความจริง.-ต.004