ชัวร์ก่อนแชร์: Manifest กำหนดชะตาด้วยพลังบวก?

23 มกราคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

Manifest (คำกริยา) คือการทำให้เห็นบางสิ่งอย่างชัดเจน ทั้งจากการแสดงหรือการกระทำ

แต่ในแวดวงพัฒนาตนเองทางโลกออนไลน์ Manifest หมายถึง การจินตนาการถึงความสำเร็จที่ต้องการ และเชื่อว่ายิ่งคิดถึงความสำเร็จนั้นมากเท่าไหร่ โอกาสจะประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ในปี 2024 ที่ผ่านมา มีการค้นหาคำศัพท์ Manifest ทางเว็บไซต์ Cambridge Dictionary เกือบ 130,000 ครั้ง จนกลายเป็นหนึ่งในคำที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่งผลให้ Cambridge Dictionary ยกให้ Manifest เป็นคำแห่งปีหรือ Word of the Year

แนวคิด manifest เริ่มแพร่หลายมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีการผลิตเนื้อหาให้กำลังใจผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะทาง TikTok มีการเผยแพร่วิธีการ 3-6-9 ที่แนะนำให้เขียนสิ่งที่มุ่งหวังในตอนเช้า 3 รอบ ตอนกลางวัน 6 รอบ และก่อนนอนอีก 9 รอบ เพื่อให้สิ่งที่มุ่งหวังเป็นจริง ซึ่งเป็นคลิปที่ทำยอดรับชมรวมกันกว่าพันล้านครั้ง

ปี 2024 ที่ผ่านมามีคนดังจากหลากหลายวงการในประเทศอังกฤษ ทั้งนักร้องสาว ดูอา ลิปา และ นักฟุตบอล ออยลี วัตกิน ที่เชื่อมโยงความสำเร็จในปี 2024 กับพลังบวกที่เกิดจากแนวคิด Manifest

อย่างไรก็ดี ความสำเร็จที่เกิดจากการสร้างพลังบวกภายในจิตใจ ไม่ใช่สิ่งที่รับรองได้โดยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยามองว่า ความลุ่มหลงในพลังงานบวกทางจิตใจมากเกินไป อาจนำไปสู่พฤติกรรมที่เป็นภัยต่อตนเอง หรือการนำเสนอแนวคิดเพื่อชักจูงใจผู้คนในทางที่ผิด เช่น การหวังว่าโรคต่าง ๆ จะหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา

แซนเดอร์ วาน เดอ ลินเดน ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยาสังคม มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และผู้ประพันธ์หนังสือ The Psychology of Misinformation อธิบายว่า นักจิตวิทยาจะเรียกการ Manifest ว่าเป็นความคิดอันเปี่ยมเวทมนตร์ (Magical Thinking) ที่เชื่อว่าเราสามารถควบคุมสิ่ง ๆ ต่างในโลกด้วยความคิดของเราเองได้

แต่กระนั้น การคาดหวังต่อ ทรัพย์สิน ความรัก หรืออำนาจ ด้วยการสร้างจินตนาการขึ้นมาเอง อาจนำไปสู่การคาดหวังที่ขัดแย้งต่อความเป็นจริง และนำไปสู่ความผิดหวังครั้งใหญ่ในท้ายที่สุด

แม้ที่ผ่านมาจะมีงานวิจัยที่สนับสนุนการคิดบวก การสร้างความมั่นใจให้ตนเอง และการตั้งเป้าหมายในชีวิต ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จที่พิสูจน์ได้ในโลกของความเป็นจริง

แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแยกความแตกต่างระหว่าง พลังจากการคิดบวกและลงมือทำ กับความคิดเข้าข้างตนเองโดยไม่ยอมรับความจริง

ตัวอย่างอย่างแรกสามารถใช้เป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ แต่ตัวอย่างหลังเป็นเพียงแค่วิทยาศาสตร์เทียมที่สร้างแต่ภาพลวงตาเท่านั้น