fbpx

อ.ต.ก.ปัดข่าวชงงบกว่าหมื่นล้านใช้สินค้าเกษตรแลกห้องพักโรงแรม-ตั๋วเครื่องบิน

กรุงเทพฯ  8 มิ.ย. – รักษาการ ผอ.อ.ต.ก.ปฏิเสธข่าวเสนอโครงการนำสินค้าเกษตรแลกห้องพักโรงแรม 10 ล้านห้อง พร้อมแจกตั๋วเครื่องบินให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ วงเงิน 14,000 ล้านบาท ช่วงวันหยุดชดเชยเดือนกรกฎาคม ชี้เป็นเพียงข้อหารือกับผู้ประกอบการโรงแรมในการหาตลาดรองรับสินค้าเกษตร ไม่เกี่ยวโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจตาม พ.ร.ก. เงินกู้ 4 แสนล้าน 


นายศุภฤกษ์ เอี่ยมละออ รักษาการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรรม (อ.ต.ก.) กล่าวว่า ได้จัดทำข้อเสนอแผนงาน/โครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศส่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมโครงการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว โดย อ.ต.ก.เสนอ 5 โครงการ คือ โครงการเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อใช้ทำเกษตรแปลงใหญ่ โครงการเครื่องจักรกลการเกษตร (รถขุดดิน) เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กให้เกษตรกร ตลาดกลางเพื่อรวบรวมและกระจายสินค้าเกษตร อ.ต.ก.ประจำจังหวัด โครงการพัฒนาระบบตลาดกลางสำหรับผลิตผลทางการเกษตรและปศุสตว์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตอย่างยั่งยืน และโครงการ อ.ต.ก. Delivery ซึ่งทั้ง 5 โครงการที่เสนอไป ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ จะพิจารณาก่อน หากเห็นสมควรจะเสนอให้ สศช.อนุมัติกรอบแผนงาน จากนั้นจะส่งกลับมายังกระทรวงเกษตรฯ เพื่อทำแผนปฏิบัติการโดยละเอียดแล้วจึงนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. พิจารณา

ส่วนกระแสข่าว อ.ต.ก.ซึ่งเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแลของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขออนุมัติงบประมาณ 14,500 ล้านบาท มาใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการ “ไทยเที่ยวไทย ช่วยไทย” ซึ่งจะให้ อ.ต.ก.จัดซื้อสินค้าเกษตรมาแลกห้องพักในโรงแรม 10 ล้านห้องและตั๋วเครื่องบิน เพื่อแจกให้ประชาชนร่วมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงวันหยุดเดือนกรกฎาคม ภายใต้งบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบโควิด-19 โดยใช้เงินกู้ 400,000 ล้านบาทนั้น นายศุภฤกษ์ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิด อ.ต.ก.เชิญผู้แทนจากกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและสายการบินในประเทศเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือและรับฟังข้อเสนอเกี่ยวกับรับซื้อสินค้าเกษตรไปใช้ในกิจการร้านอาหารของโรงแรมและสายการบิน แต่ไม่ใช่เสนอโครงการ “ไทยเที่ยวไทย ช่วยไทย” ที่จะขอใช้งบประมาณ 14,500 ล้านบาทแน่นอน


ทั้งนี้ มีข่าวที่นำเสนอในสื่อสารมวลชนว่าเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา อ.ต.ก.เชิญผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและสายการบินในประเทศ เพื่อนำเสนอโครงการจัดซื้อสินค้าเกษตรแลกกับห้องพักในโรงแรม 10 ล้านห้อง จากผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศ รวม 77 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นโรงแรมระดับ 2-3 ดาว ราคาห้องพักไม่เกิน 2,000 บาท/ห้อง/วัน  อ.ต.ก.จะจ่ายเงินให้โรงแรม 1,000 บาท / ห้อง / วัน ซึ่งจะจ่ายเป็นเงินสด 500 บาท และจ่ายเป็นสินค้าเกษตรมูลค่า 500 บาท โดยจำนวนห้องพักที่จะใช้อยู่ที่ 5 ล้านห้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท  โรงแรมระดับ 4-5 ดาว  ราคาห้องพักไม่เกิน 2,000 บาท/ห้อง/วัน อ.ต.ก. จะจ่ายเงินให้โรงแรม 1,500 บาท / ห้อง / วัน ซึ่งจะจ่ายเป็นเงินสด 750 บาท และจ่ายเป็นสินค้าเกษตร มูลค่า 750 บาท โดยใช้ห้องพักที่ 5 ล้านห้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท 

สำหรับสินค้าเกษตรที่จะใช้แลกเปลี่ยนห้องพักของโรงแรม ประกอบด้วย ข้าวสาร ผลไม้ ผัก ผลไม้แปรรูป ที่นอน หมอนยางพารา สินค้าโอทอป ของที่ระลึก โดยผู้ประกอบกิจการโรงแรมแต่ละแห่งสามารถเลือกห้องพักของโรงแรมกับสินค้าเกษตรได้ตามความต้องการสินค้าเกษตรแต่ละชนิดซึ่งมีมูลค่าเท่ากับจำนวนห้องพักที่นำมาแลกเปลี่ยน 

สำหรับวงเงินงบประมาณส่วนแรก 6,250 ล้านบาท ทาง อ.ต.ก.จะนำไปซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง แล้วนำสินค้าเกษตรมาชำระค่าห้องพัก 10 ล้านห้องให้โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าห้องพักปกติ ส่วนค่าที่พักอีกร้อยละ 50 อ.ต.ก.จ่ายเป็นเงิน 6,250 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 12,500 ล้านบาท


สำหรับการหาตั๋วเครื่องบินถูกแจกให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวตามที่เป็นข่าวนั้น อ.ต.ก.จะจ่ายค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินให้สายการบินที่ประชาชนเข้าร่วมโครงการในอัตราร้อยละ 50 ของค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน โดยระยะเวลาที่สามารถใช้สิทธิ์คือ ภายในเดือนกรกฎาคม โดยมีเงื่อนไขค้างคืนไม่น้อยกว่า 2 คืน/ครั้ง วงเงินงบประมาณ 2,000  ล้านบาท 

แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่ได้เสนอแผนงานของกระทรวงไปยัง สศช. โดยผู้บริหารระดับสูงกำลังเร่งปรับแผนให้เป็นไปตามกรอบที่ สศช.กำหนด สำหรับข่าวที่ออกมา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คาดว่าร้อยเอกธรรมนัส จะชี้แจงต่อไป เนื่องจาก อ.ต.ก.เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง