รัฐสภา 4 มิ.ย.-รมว.ดีอีเอส แจง Thaiflix เป็นเพียงแนวคิดตั้งแพลตฟอร์มไทย ช่วยให้อุตสาหกรรมบังเทิงไทยมีรายได้ ไม่ใช่ลอกเลียนแบบ Netflix เพียงแต่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ยังไม่มีชื่อทางการ และไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมภาพยนต์ ยังมีเรื่องธุรรกิจการขนส่งและอาหารด้วย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยถึงแนวคิดการสร้าง แพลตฟอร์มไทย Thaiflix เป็นช่องทางขึ้นมาแข่งขันกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ ว่าเป็นแนวคิดที่ได้แนะนำในระหว่างการจัดประชุมทางไกล RoLD Virtual Forum : Living with COVID-19 ตอน “How to Empower Digital Citizenship in COVID-19 Era” เพื่อให้อุตสาหกรรมธุรกิจในหลายๆประเภทได้มีทางเลือกในการแข่งขันและหาโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งแพลตฟอร์มของไทย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากคนไทยมีความคุ้นเคยกับการใช้แพลตฟอร์มของต่างประเทศ ทำให้รายได้จากการใช้แพลตฟอร์มไหลออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้น หากมีแพลตฟอร์มของไทยไว้ใช้เองก็จะมีข้อดี จึงยกตัวอย่างอุตสาหกรรมภาพยนต์ที่เห็นภาพได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นละคร ภาพยนต์ เกมส์โชว์และสารคดีของไทยที่ดีๆ มีมากมาย
“เรามีของดีในมือมาก ละคร หนัง เกมโชว์ต่างๆ แต่ปกติเราใช้ประโยชน์ครั้งเดียว เสร็จแล้วก็จบไป จึงยกตัวอย่างแพลตฟอร์มในลักษณะนี้อย่าง Netflix ที่รวบรวมเอาหนัง-ละครจากหลายๆ ประเทศมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สเปน ให้คนเข้าถึงสะดวกในการใช้งาน จึงคิดว่าคอนเทนต์หนังละคร ไทยมีเยอะ ถ้ามีศูนย์รวม ทำแบบนี้ ช่อง 3 5 7 9 11 ช่องวัน ช่องดิจิทัลก็มีคนทำ ถ้ามี เราก็ควรส่งเสริมให้เกิดการรวบรวม โดยรัฐบาลเป็นเจ้าภาพทำแพลตฟอร์มกลางให้เอกชนเอาคอนเทนต์มาใส่ ไม่ว่าคนจะอยู่ที่ไหนก็ตามสามารถดูได้ ตอนนี้คนไปดูในยูทูป ซึ่งก็เป็นคอนเทนต์หนึ่ง บางทีเจ้าของหนัง-ละครไม่ได้อะไรเลย เม็ดเงินโฆษณาก็หายไปมาก ซึ่งการนำมารวมกันตรงนี้ก็คล้ายๆ กับ Netflix ซึ่งนอกจากจะให้คนไทยได้ชมแล้ว เนื้อหารรายการบางอย่าง หรือที่มีคอนเทนต์ดีๆ ก็สามารถนำไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้อีกด้วย เพราะขณะนี้ตลาดทั้งอาเซียนก็สนใจดูหนังละครไทย คำว่า Thaiflix ยังไม่มีใครตั้ง เป็นเรื่องของแนวคิดและการพูดเปรียบเทียบให้คนเห็นภาพและเข้าใจง่าย ว่าหากประเทศไทยมีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง เราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยที่รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน ตอนนี้เป็นแค่แนวคิด การที่จะผลักดันให้แนวคิดเกิดขึ้นได้ หัวใจสำคัญอยู่ที่ผู้ประกอบการของธุรกิจนั้นๆ ตลอดจนกลุ่มลูกค้า หรือผู้ที่จะมาใช้บริการ แต่เนื่องจาก ก็ไม่สามารถที่จะไปต่อได้” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า การทำแพลตฟอร์มอื่นๆนอกจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ยังมีธุรกิจขนส่งโลจิส ติกส์ การซื้อขายของออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านๆ มาพบปัญหาการเก็บค่าบริการที่สูง บางเจ้าเก็บค่าบริการสินค้าสูงถึง 30% และยังมีค่าขนส่ง ทำให้ต้นทุนร้านเล็ก ๆ สูงขึ้นและส่งผลให้ขาดทุน ซึ่งรัฐบาลก็มีแนวคิดที่จะทำแพลตฟอร์มนี้ด้วย โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมาดำเนินการ ซึ่งจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีราคาถูกลง ไม่ไปปิดกั้นตลาดอื่นๆ ที่เป็นของเอกชน แต่จะมีพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก ให้ได้รับประโยชน์ โดยหัวใจหลักยังอยู่ที่ภาคเอกชน ที่สนใจเข้ามาร่วม และหากยังคงใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศ คนไทยก็จะเสียผลประโยชน์ไปเยอะ ดังนั้นทุกคนก็ควรที่จะปรับแก้ธุรกิจ
ส่วนกระแสตำหนิต่างๆนั้น ตนคิดว่าการที่จะทำสิ่งใดควรต้องมีแผนรองรับ ดูยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลง ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่รับฟัง เพียงแต่หากยุคสมัยเปลี่ยน หากเราไม่คิดจะทำอะไรเลย เมื่อถึงเวลาแล้วเราจะปรับไม่ทัน ตนเลยโยนแนวคิดนี้ออกมา ถ้ามีคนสนับสนุน และมีคนสนใจก็จะดำเนินการต่อ เพราะเราก็รับฟังทุกคน .-สำนักข่าวไทย