กระทรวงมหาดไทย 16 พ.ค. –รัฐมนตรีมหาดไทยประชุมผู้ว่าทั่วประเทศซ้อมแนวทางปฏิบัติผ่อนคลายระยะ 2 ย้ำดูแลปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หลังยังมีผู้ฝ่าฝืน
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายอำเภอ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
พลเอกอนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นการซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติเพื่อรองรับมาตรการผ่อนคลายระยะ 2 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณข้าราชการทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง ท้องถิ่น สาธารณสุข ทหาร ตำรวจ และส่วนราชการอื่น ๆ ที่ร่วมกันทำงานเป็นอย่างดี จนทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้
สำหรับผลการดำเนินงานหลังจากการผ่อนคลายระยะ 1 พบว่า อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังมีกลุ่มผู้ฝ่าฝืน 2-3 กลุ่ม ดังนั้นทุกพื้นที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง และเนื่องจากสถานการณ์ของโควิด-19 ยังไม่มีวัคซีนในการรักษาจึงต้องอยู่กับโรคนี้อยู่อีกระยะหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องสุขอนามัยของประชาชนเป็นพื้นฐาน ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อให้ประชาชนสามารถทำมาหากินเพื่อดำรงชีพได้ และเตรียมพร้อมวางมาตรการเพื่อรองรับการท่องเที่ย วซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศในอนาคต เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อให้เศรษฐกิจเดินไปได้ และทุกจังหวัดต้องสร้างความร่วมมือประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรฐานสาธารณสุขพื้นฐานอย่างเคร่งครัด เราจะก้าวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในเร็ววัน
ด้านนายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอให้ทุกจังหวัด และทุกอำเภอ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลการให้และการรับสิ่งของบริจาคของประชาชนให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข และกำชับการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดถือปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือข้อสั่งการเชิงนโยบาย ข้อห้าม และข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นไปตามกฎหมาย และไม่เกิดความสับสนของประชาชน และมาตรการที่ยังต้องดำรงการปฏิบัติ เช่น การงดหรือชะลอการเดินทาง เว้นแต่จะมีความจำเป็น รวมทั้งให้พิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จในระดับพื้นที่ และการใช้จ่ายงบประมาณและกาจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากพบปัญหาการปฏิบัติให้รายงานมายังกระทรวงมหาดไทยเพื่อหารือกับ ศบค. ต่อไป.- สำนักข่าวไทย