กาฬสินธุ์ 11 พ.ค.- อีกแล้ว! ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นักเรียนหญิงวัย 16 ปี ไปเสียค่าปรับจราจรบนโรงพัก กลับถูกตำรวจชุดเครื่องแบบครึ่งท่อน ลากขึ้นไปชั้น 2 ก่อนโอบกอดเอวและขอจับอวัยวะเพศ
วันนี้ผู้ปกครองของนักเรียนหญิง อายุ 16 ปี และ 14 ปี ได้พาทั้ง 2 คน เข้าแจ้งความที่ สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับตำรวจนายหนึ่งของโรงแห่งนี้ ซึ่งไม่ทราบยศและตำแหน่ง หลังจากหลานสาวคนโตอายุ 16 ปี ได้มาจ่ายค่าปรับจราจร แต่กลับถูกตำรวจนายดังกล่าวโอบกอดเอวไว้และลากตัวขึ้นไปบนชั้นสองของโรงพัก ก่อนจะขอจับอวัยวะเพศ
ผู้เสียหายวัย 16 ปี เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันนี้ มาที่โรงพักพร้อมน้องสาวเพื่อจะจ่ายค่าปรับข้อหาไม่สวมกันน็อก โดยได้เดินเข้าไปสอบถามตำรวจนายหนึ่ง สวมชุดเครื่องแบบครึ่งท่อน และมีสภาพคล้ายกับคนเมาสุรา ว่าไปจ่ายค่าปรับได้ตรงไหน ตำรวจนายนั้นบอกว่าเสียค่าปรับอยู่ที่ชั้น 2 แต่วันนี้เป็นวันหยุด ตนจึงจะกลับออกจากโรงพัก แต่จู่ๆ ตำรวจคนนั้นกลับเดินมาโอบกอดเอวของตนไว้แล้วพาขึ้นไปชั้น 2 โดยมีน้องสาวเดินตามหลังมา จากนั้นได้ลากตัวเข้าไปในห้องเปรียบเทียบปรับ ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครอยู่ในห้อง และได้ยืนขวางประตูทางออกไว้ พร้อมกับขอจับอวัยวะเพศของตน ตนเองตกใจมากและรวบรวมสติตัดสินใจรีบผลักประตูออกมา แล้วรีบพาน้องสาววิ่งลงบันไดไปบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ชั้นล่างว่าถูกตำรวจคนนี้ลวนลาม จากนั้นได้โทรศัพท์ไปหาตาและยาย และเล่าให้พี่ชายฟัง ก่อนจะพากันมาแจ้งความ ซึ่งส่วนตัวไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่โรงพักได้
ด้านน้องสาวผู้เสียหาย บอกว่า ช่วงเกิดเหตุเห็นเหตุการณ์โดยตลอด และตกใจมาก เพราะไม่คาดคิดว่าโรงพัก ซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน แต่กลับมามีพฤติกรรมในลักษณะนี้ จึงอยากให้ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ให้ความเป็นธรรม และดำเนินการอย่างถึงที่สุด
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.พุฒินันท์ อำพันธ์ ผกก.สภ.สหัสขันธ์ เพื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าว โดยทาง ผกก. ระบุว่า เรื่องดังกล่าวได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว และให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งจะมีการดำเนินการสอบสวนเร็วที่สุด
ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ทางผู้กำกับการ สภ.สหัสขันธ์ ได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว โดยในวันพรุ่งนี้ จะมีการประสานผู้เสียหายพร้อมสหวิชาชีพมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบถึงข้อเท็จจริง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวนั้น จะมีการตั้งกรรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้รายงานผลการตรวจสอบให้ทราบภายใน 7 วัน หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ก็จะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว ซึ่งจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำไปยังทุกกองบัญชาการ ให้หัวหน้าหน่วยทุกพื้นที่ ลงไปกำกับดูแลควบคุมความประพฤติ และวินัยข้าราชการตำรวจในสังกัด ทั้งในและนอกเวลาราชการ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจประพฤติตนนอกรีตไปกระทำผิดเสียเอง หรือแม้กระทั่งเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ หากผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด
โดยที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ทั้งให้ออก ไล่ออก ปลดออก ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี.-สำนักข่าวไทย