อเมริกา 7 พ.ค.- สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในทวีปอเมริกา ผู้นำเอลซัลวาดอร์ประกาศเพิ่มมาตรการคุมเข้มปิดเมืองหวังชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ผู้นำเอลซัลวาดอร์ ประกาศเพิ่มมาตรการคุมเข้มปิดเมืองหวังชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านไปซื้ออาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันได้เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด สำหรับที่กรุงซานซัลวาดอร์ ผู้คนถูกสั่งห้ามเดินทางข้ามเขต เว้นแต่มีหนังสือรับรอง เอลซัลวาดอร์ พบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจำนวน 633 คน เสียชีวิต 15 คน
ส่วนที่เม็กซิโก ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ สั่งเปิดทำเนียบประธานาธิบดีลอส ปินอส ให้เป็นที่พัก ดูแลแพทย์ พยาบาล ที่กำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมจัดรถรับส่งแพทย์ พยาบาลที่พักอยู่ที่นี่ไปทำงานเพื่อลดการเสี่ยงติดเชื้อ
นายโอบราดอร์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2561 ปฏิเสธใช้ทำเนียบลอส ปินอส เป็นที่พักประจำตำแหน่ง และมีแผนปรับปรุงให้เป็นศูนย์วัฒนธรรม เม็กซิโกพบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วจำนวน 27,634 คน เสียชีวิต 2,704 คน
ส่วนที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงแรงงานในกรุงลิมา ของเปรู ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งปักหลักชุมนุมประท้วงเรียกร้องรัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือคนงานก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมือง เปรูมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจำนวน 51,189 คน เสียชีวิต 1,444 คน เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ในอเมริกาใต้รองจากบราซิล รัฐบาลเปรูประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันที่ 16 มีนาคม หลังจากนั้นได้มีการขยาย
มาตรการคุมเข้มหลายครั้ง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจการก่อสร้าง
ที่กรุงซานเตียโก เมืองหลวงของชิลี กลุ่มคนขับรถแท็กซี่ชุมนุมเรียกร้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลเช่นเดียวกับคนกลุ่มอื่น กลุ่มคนขับรถแท็กซี่ได้ปิดกั้นถนนสายหลัก รวมทั้งฉีดพ่นน้ำยาในถังดับเพลิงเรียกร้องรัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้รายได้จากการขับรถแท็กซี่ลดลงจนไม่พอใช้.-สำนักข่าวไทย