กรุงเทพฯ 6 พ.ค.- GGC ชูผลประกอบการไตรมาส
1/2563 เติบโตจากปีที่แล้ว จากความต้องการการใช้ไบโอดีเซลที่เพิ่มมากขึ้น
ตอบรับนโยบาย B10 ของภาครัฐ แม้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ยืนยันผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์และกลีเซอรีน 100% ส่วนเมทิลเอสเทอร์
เตรียมพร้อมกำลังการผลิตยังคงสูงกว่า 400,000 ตันต่อปี
นายวิทูร ซื่อวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท
โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2563 มีแนวโน้มดีขึ้น บริษัทฯ
มีกำไรสุทธิ 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาทจากกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการในตลาดเมทิลเอสเทอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ
สามารถขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์เป็นจำนวน 101,371 ตัน เพิ่มขึ้นจำนวน 22,346 ตัน
หรือ คิดเป็นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะทำให้ประชาชนเริ่มมีการเดินทางน้อยลง
แต่จากการปรับอัตราส่วนผสมขั้นต่ำในไบโอดีเซลของรัฐบาลตามการประกาศให้ไบโอดีเซล B10
เป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานของประเทศไทยแทนไบโอดีเซล B7
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 และเร่งการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน B10
ที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,953 สถานี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563
ทำให้ความต้องการเมทิลเอสเทอร์ในไตรมาสนี้ยังคงสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
อีกทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้รวมถึงประเทศไทยส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส
1 ปี 2563 หดตัวลงเกือบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก
ขณะที่มาตรการการปิดเมือง (Lockdown)ของหลายประเทศก็มีผลกระทบต่อภาคการขนส่ง GGC ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการใช้ดีเซลที่ลดลงตามการเดินทางของประชาชนที่ลดลง
ทำให้ปริมาณความต้องการการใช้ B100 หรือเมทิลเอสเทอร์ก็ลดลงด้วย
บวกกับการที่หลายประเทศประกาศใช้มาตรการปิดเมือง ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ยังประเทศคู่ค้าที่มีการประกาศปิดเมืองได้
อาทิ จีน อินเดีย และยุโรป เป็นต้น แม้ว่าบางประเทศจะกลับมาเปิดประเทศบางส่วนแล้ว
แต่กำลังซื้อยังไม่กลับมามากนักส่งผลให้ความต้องการซื้อเกิดการชะลอตัวด้วย
ส่วนความต้องการในตลาดแฟตตี้แอลกอฮอล์จากธรรมชาติ
(Natural Fatty Alcohols)ในไตรมาส 1/2563
มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19
ส่งผลให้รัฐบาลจีนประกาศปิดเมืองและระบบท่าเรือบางส่วนของประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้น
ทำให้ผู้ซื้อหลักหลายรายในประเทศจีนต้องหยุดการดำเนินการผลิตต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
อีกทั้งไวรัสโควิด-19 ยังกระจายและแพร่ระบาดเป็นวงกว้างไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก
ส่งผลกระทบให้มีการปิดเมืองไปอีกหลายประเทศ เช่น
อินเดียและผู้ซื้อจากฝั่งยุโรป
ขณะที่ความต้องการการใช้กลีเซอรีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
จากการนำกลีเซอรีนไปเป็นส่วนผสมเพื่อผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
แต่คาดว่าจะไม่กระทบกับตลาดโดยรวมมากนัก
เนื่องจากกลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นในเจลดังกล่าวเพียง 0-2%
เท่านั้น แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง คือ
พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่จะหันมาใช้เจลแอลกอฮอล์เป็นประจำทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ
(New Normal) ซึ่งนั่นก็อาจจะส่งผลให้เกิดความต้องการมากขึ้นได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ
ยังได้มีการปรับเป้ากำลังการผลิตของเมทิลเอสเทอร์ลงมา แต่ยังอยู่เหนือระดับ
400,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตติดตั้งเมทิลเอสเทอร์ทั้ง 2 โรงงานที่ 500,000
ตันต่อปี
ขณะที่แฟตตี้แอลกอฮอล์และกลีเซอรีนบริสุทธิ์ยังคงตั้งเป้ากำลังการผลิตเต็ม 100 %
คือ 100,000 ตันต่อปี และ 31,000 ตันต่อปี ตามลำดับ ส่วนรายได้ของปีนี้ บริษัทฯ
คาดการณ์ว่าจะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา
จากปัจจัยของธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ที่ตอบรับกับนโยบาย B10
ของภาครัฐบาล.-สำนักข่าวไทย