จ.นครปฐม 24 เม.ย.-ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นำคณะลงพื้นที่ จ.นครปฐม สร้างการรับรู้ป้องกันโรคโควิด-19ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว
นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นพ.พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ลงพื้นที่ จ.นครปฐม เพื่อตรวจเยี่ยมและพบปะแรงงานต่างด้าว ณ ชุมชนบ้านท่าตลาด ตลาดศรีสามพราน และชุมชนยายชา อ.สามพราน จ.นครปฐม รวมทั้งนายกเหล่ากาชาดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ รับฟังการดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวพื้นที่ จ.นครปฐม
นายดวงฤทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงาน จำนวน 2,660,159 คน แบ่งเป็นประเภทระดับฝีมือ จำนวน 168,176 คน ตลอดชีพ 241 คน ชนกลุ่มน้อย 44,800 คน และแรงงานประเภททั่วไป 2,446,942 ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมมีแรงงานทั้งสิ้น 97,228 คน แบ่งเป็นระดับฝีมือ 2,206 คน ชนกลุ่มน้อย 6,782 คน และแรงงานประเภททั่วไป 88,240 คน
สำหรับมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส2019 หรือโควิด–19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐมได้ขอความร่วมมือนายจ้าง/สถานประกอบการและกำชับแรงงานต่างด้าวให้ปฏิบัติตามข้อกำหนด ได้แก่ ให้ผู้ประกอบการ ลูกจ้าง สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส หรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย และให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักการหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน
นายดวงฤทธิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงแรงงานมีมาตรการเร่งด่วนกรณีวิกฤติโรคโควิด–19 เพื่อป้องกันและเยียวยาในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ได้แก่ 1. การชะลอการอนุมัตินำเข้าแรงงานต่างด้าว ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.63 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ 2.การผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าวสามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไปจนถึง 30 พ.ย.63
3.ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยร่วมมือกับสภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการป้องกันนำร่องในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและขยายความร่วมมือไปยังจังหวัดต่างๆ และ 4.การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโรคโควิด – 19 ในสถานประกอบการเป็นต้น .-สำนักข่าวไทย