ศาลฯเผย 20 วันหลังเคอร์ฟิวการฝ่าฝืนลดลง

กทม.23 เม.ย.- เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเผยสถิติคดี 20 วันหลังเคอร์ฟิวพบผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ลดลง ขอประชาชนช่วยอดทน ร่วมฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน


 

นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยข้อมูลสถิติคดีความผิดตามพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์ข้อมูลคดี สำนักแผนงานและงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รวบรวมสถิติคดีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ภายหลังรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. โดยไม่มีความจำเป็น และได้มีการผ่อนปรนข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเคอร์ฟิวสำหรับบางอาชีพเพิ่มเติมตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ


ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 3) ซึ่งมีผลคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา โดยภาพรวมสถิติคดีสะสมตั้งแต่วันที่ 3 – 23 เมษายน 2563 (รวม 20 วัน) มีจำนวนคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาล ดังนี้ 

กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง  

1. คดีที่ขึ้นสู่การพิจารณา ทั้งหมด 15,961 คดี


2. คดีที่พิพากษาแล้วเสร็จ ทั้งหมด 14,984 คดี (คิดเป็นร้อยละ 93.88) 

3. ข้อหาที่มีการกระทำความผิด

3.1) พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

จำนวน 18,203 คน (สัญชาติไทย 17,135 คน / สัญชาติอื่น 1,068 คน)

3.2) พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558  จำนวน 258 คน (สัญชาติไทย 241 คน / สัญชาติอื่น 17 คน)

3.3) พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จำนวน 13 คน (สัญชาติไทย 13 คน / สัญชาติอื่น – คน)

4. จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิด สูงสุด 3 อันดับ ในแต่ละข้อหา

4.1) พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 

อันดับ 1 จังหวัด กรุงเทพมหานคร จำนวน 1,261 คน อันดับ 2 จังหวัด ปทุมธานี จำนวน 873 คน อันดับ 3 จังหวัด ชลบุรี จำนวน 766 คน

4.2) พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อันดับ 1 จังหวัด ชลบุรี จำนวน 92 คน อันดับ 2 จังหวัด สมุทรสาคร จำนวน 41 คน อันดับ 3 จังหวัด ยะลา จำนวน 21 คน

4.3) พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 อันดับ 1 จังหวัด เชียงราย จำนวน 6 คน อันดับ 2 จังหวัด นนทบุรี จำนวน 2 คน

อันดับ 3 จังหวัด ตาก,กรุงเทพฯ,นราธิวาส,สุรินทร์,น่าน จำนวน 1 คน

กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว

1. จำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 981 คำร้อง

2. ข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุม

2.1) พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 

จำนวน 1,043 คน (สัญชาติไทย 1,021 คน / สัญชาติอื่น 22 คน)

2.2) พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จำนวน 6 คน (สัญชาติไทย 6 คน / สัญชาติอื่น – คน)

2.3) พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ยังไม่พบผู้กระทำความผิด 

3. ผลการตรวจสอบการจับ จำนวน 1,053 คน

3.1) ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1,049 คน

3.2) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 4 คน 

ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่าภายหลังจากที่มีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อพิจารณาปริมาณคดีที่เข้าสู่ศาล (ช่วงแรก) ตั้งแต่วันที่ 3 – 13 เมษายน 63  มีจำนวนเฉลี่ย 818 คดี/วัน ในขณะที่ปริมาณคดีที่เข้าสู่ศาล (ช่วงหลัง) ตั้งแต่วันที่ 14-22 เมษายน 63 พบมีปริมาณคดีที่ขึ้นสู่ชั้นศาลลดลง เฉลี่ยจำนวน 772 คดี/ต่อวัน (ลดลงประมาณ 5.6%) ทั้งนี้ อาจเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดทั่วประเทศทำให้ผู้กระทำผิดไม่กล้าฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนจังหวัดที่ยังพบว่ามีการกระทำผิด ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สูงสุด กรุงเทพมหานครยังครองแชมป์ ถัดมา ปทุมธานี และชลบุรี ตามลำดับ  ส่วนกรณีมีหนุ่มไลฟ์สดเต้นวิบวับ ท้าเคอร์ฟิว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณตลาดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองสระบุรี ซึ่งทางศาลแขวงสระบุรี มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9(1), 18 ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 2,500 บาท หักวันควบคุม 1 วัน คงเหลือ 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงออกไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังมีประชาชนบางส่วนที่มีความเครียดและวิตกกังวลกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่อยากขอให้อดทน และให้ความร่วมมือให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และแสดงออกทางด้านอื่นอย่างเหมาะสมโดยไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง