เตรียมแจ้งข้อหาหนัก หนุ่มหัวร้อนผลักลุงล้มโคม่า

ฉะเชิงเทรา 17 เม.ย.-ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาหนักเพิ่ม หนุ่มหัวร้อน ผลักคุณตาวัย 92 ปี ล้มหัวฟาดกลางถนนที่ฉะเชิงเทรา สอบประวัติพบเพิ่งพ้นโทษคดีเผากระท่อมปลายนาของพ่อตัวเอง 


จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก ชื่อ  “ยศ โต๊ะจีน”  โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด ชายหนุ่มทะเลาะกับชายสูงวัย ก่อนจะผลักล้มกลางถนน  หัวฟาดพื้นสลบ และเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะขับรถออกไปโดยไม่สนใจ   ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายบัญชา ดิษฐาพร อายุ 92 ปี อดีตข้าราชการครูบำนาญ   ส่วนชายคนก่อเหตุก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนขับรถออกไปอย่างหน้าตาเฉย เหตุเกิด บริเวณหน้าร้านขวัญชัย ตลาดบางน้ำเปรี้ยว  ต.โพรงอากาศ  อ.บางน้ำเปรี้ยว   จ.ฉะเชิงเทรา


ความคืบหน้าคดี   พ.ต.ท.ชนันธร คำเกษ  พนักงานสอบสวน  สภ.บางน้ำเปรี้ยว   กล่าวว่า   เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา   โดยหลังเกิดเหตุ     นายนันมนัส  ศิริวัฒนสกุล หรือ แบงค์ อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุ  ได้เข้ามอบตัว สอบปากคำเบื้องต้น   ให้การรับสารภาพ ว่าทำไปเพราะโมโห  ที่นายบัญชา  ถอยรถมาชน จึงลงไปชักกุญแจรถนายบัญชา  ก่อนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้  ด่าทอนายบัญชา  ก่อนผลักอก จนนายบัญชา ล้มลง หลังสอบปากคำเสร็จสิ้นได้ปล่อยตัว ผู้ต้องหาไป  ก่อนจะนัดนำส่งฟ้องศาลในภายหลัง  ส่วนข้อหาได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม คือทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส  ส่วนพฤติกรรม ผู้ต้องหารายนี้  เป็นคนอารมณ์ร้อน เคยก่อเหตุเผากระท่อมปลายนา จนถูกพ่อแจ้งความจับดำเนินคดี ก่อนจะพ้นโทษออกมาได้เพียงเดือนเศษ และมาก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายบัญชา ชายชรา อาการสาหัส  

 วันนี้ ร.ต.อ.เดช ศิริวัฒนสกุล รอง สว.สส.สภ.บางน้ำเปรี้ยว บิดานายนันท์มนัส ผู้ก่อเหตุ ได้ยกมือไหว้ญาติ และกล่าวแสดงความเสียใจกับทางญาติผู้ประสบเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตนทราบเรื่องได้รีบเดินทางไปดูแลผู้บาดเจ็บในทันที ซึ่งได้เข้าไปเยี่ยมและเข้าไปดูแลอย่างสม่ำเสมอ ส่วนค่าเยียวยานั้นต้องรอดูอาการเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้บุตรชายตนยังไม่ได้ไปเยี่ยมคู่กรณีแต่เร็วๆนี้ ตนจะพาไปดูอาการรวมทั้งพาไปพบครอบครัวผู้บาดเจ็บเพื่อขอโทษสำหรับการก่อเหตุในครั้งนี้


อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุตนได้กลับไปว่ากล่าวตักเตือนบุตรชายแล้ว โดยเจ้าตัวบอกว่าถูกคู่กรณีต่อว่าจนเกิดบันดาลโทสะก่อนลงมือก่อเหตุผลักเข้าที่หน้าอกอย่างจัง และหยิบกุญแจรถของคู่กรณีไป   แต่ได้นำไปคืนให้ทางญาติผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ปกติบุตรชายเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น มีเพียงเหตุการณ์ไฟไหม้กระต๊อบบ่อปลาที่ไม่ได้ตั้งใจ และขณะเกิดเหตุเจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ แต่ส่วนนั้นตนก็ดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ปกป้องแม้แต่อย่างใด ส่วนสาเหตุของหารก่อเหตุนั้นเกิดจากความเครียดที่ถูกต่อว่า โดยไม่มีภาวะเรื่องเครียดสะสมเรื่องอื่น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง