ทำเนียบฯ 3 เม.ย.- โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำ ใครฝ่าฝืนเคอร์ฟิว หากไม่มีเหตุจำเป็น จับทุกราย หากพบเห็นผู้ทำผิด แจ้ง 191 ส่วนผู้มีความจำเป็น ขอให้พกบัตรประชาชนและเอกสารที่หน่วยงานต้นสังกัดรับรอง ระบุช่วยชาติได้ แค่อยู่ในบ้านและเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร
พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แถลงถึงแนวทางการปฏิบัติตัวของประชาชนในช่วงเคอร์ฟิว ว่ามีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติตัว รองรับมาตรการต่างๆ ของด่านตรวจ มีจุดตรวจคัดกรองรอยต่อระหว่างจังหวัดต่างๆ รวมถึงกรุงเทพมหานคร จะมีการปรับจุดตรวจคัดกรอง ซึ่งขณะนี้มี 421 จุด เพื่อเน้นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นขึ้น และควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยจะมีการเพิ่มหน่วยความเร็ว สารวัตรทหาร จัดจุดตรวจคลอบคลุมทุกพื้นที่ และจะมีการเพิ่มสายตรวจ
“กรณีที่มีผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อแห่งชาติ และประกาศต่างๆ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกข้อหากับผู้ที่ฝ่าฝืน” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ผู้ที่มีความจำเป็นที่ต้องออกจากบ้าน ในเวลา 22.00-04.00 น. ตามที่ประกาศช่วงเวลาเคอร์ฟิวไว้ นอกเหนือจากผู้ที่ได้รับการยกเว้น จะต้องมีเอกสารกำกับ โดยพกบัตรประชาชน, เอกสารที่รับรองจากนายจ้าง ผู้ประกอบการ หรือผู้บังคับบัญชา ว่าเป็นใคร มาจากสังกัดไหน มีหน้าที่และมีความจำเป็นต้องปฎิบัติงานอย่างไร หากมีเอกสารครบถ้วน ก็สามารถแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจ ให้พิจารณาเป็นกรณีไปได้
“หากเดินทางออกมาแล้ว ไม่มีเหตุผล ไม่มีเอกสาร จงใจฝ่าฝืน ก็ต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือประชาชน ให้ออกจากบ้านในช่วงเคอร์ฟิวเท่าที่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
เมื่อถามว่า แผงตลาดสดตั้งร้านขายในเวลาเคอร์ฟิวได้หรือไม่ พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า ขอให้เข้าใจว่า ต้องใช้ความจำเป็นจริงๆ เพราะบางเรื่องไม่สามารถทำได้ และไม่ควรเปิดเวลาที่มีการเคอร์ฟิว ทุกคนจึงต้องปรับเปลี่ยนเวลาและต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ขอความร่วมมือไม่ต้องเปิดเวลา 22.00-04.00 น.
เมื่อถามว่า จะรู้ได้อย่างไร หากมีการรวมกลุ่ม รวมตัวกันในหมู่บ้านหรือ พื้นที่ต่างๆ ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปรับการทำงานเป็นลักษณะจุดตรวจ มีสายตรวจและสายสืบ จะมีเจ้าหน้าที่แฝงตรวจตราอยู่ หากใครมั่วสุม รวมตัว จะสามารถทราบได้ เจ้าหน้าที่พบเห็นจะดำเนินการจับกุม และหากบุคคลใดพบเห็นผู้กระทำผิดละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.โรคติดต่อแห่งชาติ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข
“คิดว่าสถานการณ์ที่จะช่วยชาติได้ดีในขณะนี้ คือ การอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปไหน แม้ขนาดอยู่ในบ้านเดียวกัน ก็ยังจะต้องเว้นระยะห่างทางสังคม 1-2 เมตรด้วยเช่นกัน” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว.- สำนักข่าวไทย