“ศักดิ์สยาม” เร่ง 13 หน่วยงานเบิกจ่ายงบปี 63

กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – “ศักดิ์สยาม” เร่ง 13 หน่วยงานเบิกจ่ายงบปี  63 วงเงิน 2.08 แสนล้าน ขู่วัด KPI มีผลแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี พร้อมวางเป้าประกาศ TOR  เม.ย. ลงนามสัญญา พ.ค.นี้ ยัน ก.ย.63 เบิกได้ 100%


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดและติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ในส่วนของงบฯ ปกติของรัฐบาล ร่วมกับ 13 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่า กระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณประจำปี 2563 วงเงิน 208,317 ล้านบาท แยกเป็น รายจ่ายประจำ 37,7 92 ล้านบาท หรือ 18% ของงบประมาณทั้งหมดและรายจ่ายการลงทุน 170,525 ล้านบาท หรือ 82% โดยงบประมาณดังกล่าวแบ่งเป็นรายการปีเดียว 100,442 ล้านบาท รายการผูกพันเดิม 52,122 ล้านบาท และรายการผูกพันใหม่ 17,961 ล้านบาท 

ทั้งนี้ จากปัญหาที่กระทรวงคมนาคมและประเทศไทยเผชิญขณะนี้ ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และปัญหาภัยแล้ง ซึ่งไม่รวมถึงการเกิดภาวะสงครามทางเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่เมื่อปีที่แล้วนั้น กระทรวงคมนาคมจึงจำเป็นที่ต้องบริหารงบประมาณปี 2563 ให้เป็นไปตามเป้าหมายตามที่รัฐบาลต้องการ เป้าหมายเดิมกำหนดไว้ คือ มี.ค.2563 รัฐบาลกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไว้ที่ 40%, เม.ย. 48%, พ.ค. 57%, มิ.ย. 65%, ก.ค. 77%, ต.ค. 88% และ ก.ย. 100% โดยให้ปรับแผนว่า เม.ย.จะต้องประกาศเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อหาตัวผู้รับจ้าง จากนั้นต้น พ.ค.จะเรียกลงนามในสัญญา จึงได้สั่งการให้ทั้ง 13 หน่วยงานไปจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการและเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย


นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมกำหนด คือ พ.ค.ต้องเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมให้ได้ 42% คิดเป็นวงเงิน 87,493 ล้านบาท, มิ.ย.จะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 66% หรือวงเงิน 137,487 ล้านบาท, ก.ค.ต้องเบิกจ่ายให้ได้ 82% หรือวงเงิน 170,819 ล้านบาท, ส.ค.ต้องเบิกจ่ายให้ได้ 92% หรือวงเงิน 1 91,650 ล้านบาท ซึ่งจะตรงกับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด และ ก.ย.จะสามารถเบิกจ่ายให้ได้ครบ 100% ทั้งนี้ ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายและทันตามที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันวันที่ 3 เมษายนนี้ จะมีการประชุมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนประจำปี 2563 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย

“หลังจากที่ได้คุยและกำหนดเป้าหมายนั้น ทุกหน่วยยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งจะนำเรื่องนี้เป็นตัวชี้วัด (KPI) ที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีและได้มีการกำชับว่าเป้าหมายที่กำหนดรายเดือน ขอให้แต่ละส่วนราชการกำกับดูแลเป็นรายสัปดาห์ เพื่อที่จะสามารถเห็นว่ามีการดำเนินการได้ดำเนินการตามเป้าหมายหรือไม่ โดยทั้งหมดเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ หลังจากนี้จะมีการติดตามทุกเดือน และถ้ามีปัญหาอุปสรรคอะไร ต้องรีบแจ้งประสานงานโครงการใดดำเนินการไม่ได้ให้ปรับแผนและไปตกลงกับสำนักงบประมาณให้เร็วที่สุด เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณสามารถไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและทำโครงการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ตามที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในเรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ เพื่อนำแก้ปัญหานั้น ได้สั่งการให้ทุกหน่วยราชการประสานงานกับสำนักงบประมาณในการปรับแผนการดำเนินการ โดยไม่ได้ปรับลดโครงการ แต่จะเป็นการปรับแผนผูกพันงบประมาณเพื่อเข้าสู่ปี 2564 ทำให้สามารถทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ ยืนยันว่าทุกหน่วยพร้อมที่จะปฏิบัติตามเป้าหมาย


สำหรับ 13 หน่วยงานที่ได้ประชุมในวันนี้ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.), กรมเจ้าท่า (จท.), กรมการขนส่งทางบก (ขบ.), กรมท่าอากาศยาน (ทย.), กรมทางหลวง (ทล.), กรมทางหลวงชนบท (ทช.), สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), กรมการขนส่งทางราง (ขร.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น อัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วน “เหนือ กลาง ตะวันออก” มีฝนตกบางแห่ง อัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : “ทรัมป์ 2.0” นำไปสู่กาลอวสานระเบียบโลก ?

นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดมองโลกแบบแหวกแนว ส่วนหนึ่งทำให้ได้ใจคนอเมริกัน แต่ส่วนหนึ่งทำให้ทั้งโลกปั่นป่วน วันนี้มีคำกล่าวจากผู้นำรัสเซียว่า ระเบียบโลกใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

มอบรางวัล “หมูเด้ง” ทายผล “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง

มอบรางวัลผลไม้ถาดยักษ์ให้ “หมูเด้ง” หลังทำนายทายถูกว่า “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ อวยยศให้เป็น “อาจารย์เด้ง”