กรุงเทพฯ 31 มี.ค..-แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์รับมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด กระจายไปรพ.ทั่วประเทศ เพื่อรับมือโควิด-19
ในการประชุมแพทยสภาร่วมกับราชวิทยาลัย/วิทยาลัย เพื่อพิจารณาหาแนวทางป้องกันรักษาและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งในการประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ในหลายสาขา เพื่อการรักษา ดูแลผู้ป่วย และวางแนวทางในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แบบองค์รวม
ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา รับมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อสุขอนามัย “เบตาดีน เนเชอรัลดีเฟนส์” มูลค่า 1,007,100 บาท จากบริษัท มุนดิฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อกระจายให้แก่โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19
โดยมี รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลรามาธิบดี และนายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย รับมอบผลิตภัณฑ์เพื่อส่งต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในสังกัดด้วย
ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมฯ กล่าว ขอบคุณภาคเอกชนที่เห็นถึงความสำคัญ และทางแพทยสมาคมฯ เตรียมส่งต่อผลิตภัณฑ์ไปยัง 6 โรงพยาบาล ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ ดูแลและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อทุกโรงพยาบาลในขณะนี้
เภสัชกรหญิงจิตติมา เสมอภาค ผู้อำนวยการหน่วยธุรกิจ บริษัท มุนดิฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากการบริจาคผลิตภัณฑ์เบตาดีนเนเชอรัลดีเฟนส์เพื่อดูแลสุขอนามัยบุคลากรทางการแพทย์แล้ว บริษัทยังมีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวยาโพวิโดน-ไอโอดีน (Povidone-Iodine) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์แบบวงกว้างทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส รวมถึงเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรนา ที่เป็นต้นเหตุในการระบาดของโรค MERS และ SARS ในอดีต และในขณะนี้มุนดิฟาร์มา กำลังดำเนินการทดลองประสิทธิภาพของ โพวิโดน-ไอโอดีน ต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Novel Coronavirus) อีกด้วย และขอเป็นส่วนร่วมในการช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นด่านหน้าของการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความปลอดภัยพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยไปด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย