ทำเนียบ 29 มี.ค.-โฆษก ศบค. แถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 143 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาล่าสุด 13.9 ล้านคน นายกฯขอให้มั่นใจดูแลทุกคนเต็มที่
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานและบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานทุกวันในการดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ และขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการรณรงค์การเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยนำเสนอข่าวในสิ่งดีๆและสร้างสรรค์ ส่วนใครที่ยังปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ต้องลงโทษโดยเด็ดขาดเนื่องจากอยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
นายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุว่า วันนี้ (29 มี.ค.) ในไทยมีรายงานผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,388ราย เป็นผู้ป่วยใหม่ 143 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นชาย อายุ 68 ปี เป็นชาวจังหวัดนนทบุรี มีประวัติไปสนามมวย รวมเสียชีวิตขณะนี้ 7 คน ทั้งนี้ส่วนใหญ่ผู้ป่วยชาย ร้อยละ61 อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งนี้ คนในกลุ่มอายุวัยทำงาน 20-59 ปี มีมากที่สุด เนื่องจากเป็นคนทำงานที่ออกจากบ้านและจะเป็นพาหะนำโรค ที่จะทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยที่แสดงอาการร้อยละ 18.4 ไม่แสดงอาการ ร้อยละ 81.6 โดยการกระจายของโรคตามภูมิภาคต่างๆยังกระจุกตัวในกรุงเทพฯและปริมณฑล สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก มี 645,158 ราย ผู้ป่วยหนัก 4,365ราย รักษาหายแล้ว 139,550 ราย เสียชีวิต 29,951 ราย โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกามากที่สุด มีผู้ป่วยสะสม 116,050 ราย คองลงมาคือ อิตาลี 92,472 ราย
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯสั่งการให้โรงพยาบาลที่ไม่ได้รับการรักษาผู้ติดเชื้อโดยตรง ให้โรงพยาบาลนั้นๆ ปรับมารับการตรวจหาผู้ติดเชื้อ เพื่อนำไปสู่การรักษาต่อไป ทั้งนี้มาตรการต่างๆขณะนี้จะเข้มข้นขึ้น โดยใช้ตัวเลขผู้ป่วยเป็นตัวกำหนดมาตรการ ซึ่งเชื่อว่าหลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจะส่งผลทำให้ผู้ติดเชื้อลดลง
นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับมาตรการ การเว้นระยะห่างทางสังคม พร้อมสั่งการกระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้ามาตรการของหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ โดยขณะนี้ 3จังหวัดชายแดนใต้ ได้มีประกาศเพิ่มเติม ห้ามเดินทางเข้าออกในพื้นที่ และห้ามเข้าออกบางหมู่บ้านและชุมชนที่มีการแพร่ระบาดสูง ยกเว้นการเดินทางไปรักษาพยาบาลและการขนส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น หากฝ่าฝืน มีโทษ จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนถือคติรวมกันติดหมู่ แยกกันอยู่เรารอด
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวถึง การลงทะเบียนเงินเยียวยา 5,000 บาท ผ่านทาง www.เราไม่ทิ้งกัน.com ว่ามีประชาชนเข้าลงทะเบียน 20 ล้านคน ทำให้ระบบล่ม แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังได้เร่งแก้ปัญหาจนทำให้ระบบสามารถกลับมาใช้งานได้ โดยล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. มีผู้สามารถลงทะเบียนแล้ว 13.9 ล้านคน ทั้งนี้ อย่างเร็วที่สุดใน 7 วันทำการ และหลังลงทะเบียน หากข้อมูลถูกต้องครบถ้วนก็จะได้รับเงิน และหากพบมีผู้กระทำผิด รับลงทะเบียนและหักหัวคิวกับประชาชนจะมีโทษตามกฎหมาย และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะดูแลเยียวยาทุกคนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามพบว่ามีผู้ลอกเลียนแบบใช้ชื่อเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันถึง 44 เว็บไซต์ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเข้าไปลงทะเบียน คนกลุ่มนี้หวังนำข้อมูลประชาชนไปใช้ประโยชน์ เราถือว่าเป็นเจตนาไม่ดี ขอให้ประชาชนระมัดระวัง
ด้านนายลวรณ แสงสนิท โฆษกกระทรวงการคลังระบุว่า การที่ประชาชนได้รับรหัส OTP เป็นการยืนยันว่า ข้อมูลครบถ้วน แต่ยังต้องมีกระบวนการตรวจสอบคัดครองอีกขั้นหนึ่งว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ ยืนยันรัฐบาลจะเยียวยาให้ครบถ้วนไม่ว่าตัวเลขสุดท้ายจะอยู่ที่เท่าใด พร้อมย้ำว่า สามารถใช้บัญชีธนาคารใดก็ได้ แต่ชื่อต้องตรงกับบัตรประชาชนและยังใช้ช่องทางออนไลน์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เพื่อลดการรวมตัวในพื้นที่สาธารณะ ส่วนในกลุ่มของนักศึกษาที่ทำงานพาร์ทไทม์นั้น จะไม่เข้าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เพราะถือว่ายังไม่ได้ทำงาน.-สำนักข่าวไทย