กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – กระทรวงเกษตรฯ สั่งคุมเข้มชายแดน จับมือฝ่ายความมั่นคงและด่านศุลกากร ป้องกันการลักลอบนำสินค้าเกษตร หลังราคาปาล์มน้ำมัน มะพร้าว กาแฟ ราคาพุ่งจากผลกระทบภัยแล้งและโควิด-19
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการเข้มประกาศเข้มงวดด่านชายแดนติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและโควิด-19 เนื่องจากสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิด เช่น ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง กาแฟ ถั่วเหลือง และมะพร้าว มีปริมาณการผลิตไม่เพียงพอและมีราคาดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงเกรงว่าจะมีการลักลอบนำเข้าเพื่อสวมสิทธิ์เป็นสินค้าเกษตรของไทยหรือหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ล่าสุดราคาปาล์มน้ำมันของไทยช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 36.19 บาท ราคาสูงกว่าตลาดมาเลเซีย 10-15 บาท โดยให้มีการนำเข้าปาล์มน้ำมันใน 3 ด่านเท่านั้น คือ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรระยะสั้น โครงการจ้างแรงงานเกษตรกรทั่วประเทศบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งในเดือนมีนาคม 2563 มีโครงการจ้างงานของกรมชลประทาน 208 โครงการ จะจ้างงานได้ถึง 10,674 คน คาดว่าจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดระยะเวลาการจ้างระหว่าง 24,000-58,000 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ทำ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,100 ล้านบาทในโครงการจ้างงานดังกล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวถึงการพัฒนาตลาดกลางยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท.ที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการซื้อขายยางพาราขนาดใหญ่ด้วยว่า จะมีการประชุมหารือกันที่ กยท.วันที่ 23 มีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าในการสร้างอำนาจต่อรองราคาให้เกษตรกรชาวสวนยางอีกขั้นหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย