กรุงเทพฯ 17 มี.ค. – รมว.เกษตรฯ สั่งการด่วนที่สุด ประสานฝ่ายความมั่นคงและศุลกากรเข้มงวดจับกุมลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม มะพร้าว และกาแฟ เหตุประเทศเพื่อนบ้านส่งออกตลาดจีนไม่ได้ เร่งแก้ไขป้องกันกระทบซ้ำเกษตรกรไทย
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้สินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิด ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง กาแฟ ถั่วเหลือง และมะพร้าว มีปริมาณการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศทั้งการบริโภคโดยตรงและใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สินค้าบางชนิดราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้มีการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสวมสิทธิ์เป็นสินค้าเกษตรของไทยหรือหลีกเลี่ยงภาษี โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน จึงประสานขอความร่วมมือหน่วยงานความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศุลกากรให้เข้มงวดตรวจสอบจับกุมการลักลอบการนำเข้า โดยเฉพาะตามแนวชายแดน
นอกจากนี้ เห็นสมควรให้ทบทวนข้อตกลงทางการค้าภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และองค์การการค้าโลก (WTO) ใหม่ ตลอดจนมาตรการทางการค้าอื่น ๆ เช่น มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (safe guard) และมาตรการปกป้องพิเศษการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (special safeguard) ซึ่งสินค้าเกษตรที่ต้องเฝ้าระวัง
สำหรับปาล์มน้ำมันนั้น ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ของไทย ช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2563 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.19 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซียเฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.05 บาท ซึ่งต่ำกว่าไทยกิโลกรัมละ 10 – 15 บาท ล่าสุดคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งระบบอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง รวมทั้งเร่งให้กรมการค้าภายในติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ถังเก็บให้เสร็จโดยเร็ว โดยอนุมัติงบประมาณ 372.516 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) กำหนดให้นำเข้า 3 ด่านเท่านั้น ได้แก่ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนด่านนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มได้กำหนดด่านต้นทาง เพียงด่านเดียว คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เลขานุการ กนป.ติดตามผลการดำเนินงานตามมติ ครม.อย่างใกล้ชิด
ด้านนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการ สศก. กล่าวถึงการป้องกันการลักลอบนำเข้ามะพร้าว จากการจัดทำข้อมูลปริมาณการผลิตและต้นทุนการผลิตมะพร้าวอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่า มีการลักลอบนำเข้ามะพร้าวผล ซึ่ง สศก.เร่งประสานกรมศุลกากรเพื่อตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังพบว่า การนำเข้าน้ำกะทิส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการและราคามะพร้าวในประเทศ ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน ดังนั้น ควรเข้มงวดมาตรการการนำเข้ามะพร้าวและน้ำกะทิ โดยกำหนดช่วงเวลาและปริมาณการนำเข้ามะพร้าวผลที่เหมาะสมภายใต้กรอบการค้า AFTA และ WTO การตรวจสอบและควบคุมการนำเข้ากะทิ การกำกับดูแลการเคลื่อนย้ายมะพร้าวผลนำเข้าน้ำหนักตั้งแต่ 4 ตันขึ้นไป ซึ่งได้ประสานกรมการค้าภายในเพื่อทบทวนมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายแล้ว รวมทั้งประสานกรมวิชาการเกษตรให้ทำลายมะพร้าวซึ่งลักลอบนำเข้าตาม พ.ร.บ. กักพืช
สินค้าอีกชนิดที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน คือ กาแฟ โดยผ่านมาช่องทางด้านตะวันออกของไทย สาเหตุหนึ่งมาจากเกษตรกรบางรายนำเข้ากาแฟมาสวมสิทธิ์เป็นกาแฟไทยแล้วจำหน่ายแก่ผู้ประกอบการโดยตรงซึ่งได้ราคาสูงกว่าจำหน่ายแก่สหกรณ์ ดังนั้น ภาครัฐควรคุมเข้มเกี่ยวกับการนำเข้าในทุกรูปแบบ โดยกำหนดช่วงนำเข้ากาแฟได้หลังเดือนพฤษภาคมของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตกาแฟของเกษตรกรในประเทศเริ่มจำหน่ายหมดแล้ว กาแฟเป็นสินค้าควบคุม ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรแจ้งกรมศุลกากรถึงปัญหาการลักลอบนำเข้า รวมถึงแจ้งข้อมูลช่วงเวลาที่ผลผลิตกาแฟออกสู่ตลาด และช่วงเวลาที่ห้ามนำเข้าให้กรมศุลกากรรับทราบเพื่อจะได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมต่อไป.-สำนักข่าวไทย