กรุงเทพฯ 2 มี.ค.-เสนา เดินหน้าลุยเปิด 10 โครงการใหม่ปีนี้ ลงทุน 7,500 ล้านบาท ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปทุกแห่ง แม้ กระทรวงพลังงานจะลดเป้าสนับสนุนจาก 100 เมกะวัตต์/ปี เหลือ 47 เมกะวัตต์/ปี
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงฯยังคงนโยบายส่งเสริมการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัย(โซลาร์ภาคประชาชน)ต่อไป อย่างไรก็ตาม จากที่ เปิดให้สมัครในโครงการ 100 เมกะวัตต์ แต่มีผู้สมัครเพียง ไม่ถึง 3 เมกะวัตต์ ดังนั้น จะเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ในเดือน มีนาคมนี้ พิจารณาลดสัดส่วนลง จากการเปิดรับซื้อ 100 เมกะวัตต์ เหลือประมาณ 47 เมกะวัตต์ และในขณะนี้ยังไม่ปรับเปลี่ยนอัตรารับซื้อที่ 1.68 บาท/หน่วย เพราะตั้งเป้าหมายว่าจะไม่เพิ่มภาระค่าไฟฟ้าของภาคประชาชน และยังคงนโยบายส่งเสริมการใช้เองของภาคประชาชนแล้วผลิตเหลือจึงจำหน่ายเข้าระบบ ส่วนแผนระยะยาวที่ กพช.มีมติเดิม ให้ รับซื้อ ปีละ 100 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 10 ปี ตั้วแต่ปี 2562-2571 นั้นก็กำลังทบทวนมาตรการทั้งหมดว่าจะปรับอย่างไรให้เหมาะสม
ด้านนางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ในฐานะผู้ดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการหมู่บ้านโซลาร์เซลล์เต็มรูปแบบรายแรกของไทย เปิดเผยว่า เสนาได้นำโครงการที่ติดตั้ง Solar Rooftop 7 โครงการ (1,000 หลัง) เข้าร่วมโครงการรณรงค์ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโซลาร์รูฟท็อป เข้าสู่ชุมชน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือน หรือ โซลาร์ มูฟ (Solar Move) ที่ดำเนินการโดยมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย (AEITF) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) ในการนำโครงการบ้านจัดสรรที่ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปที่ใช้ในภาคครัวเรือนมาเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับชุมชนให้เข้าใจและตระหนักถึงความ สำคัญของพลังงานสะอาด
สำหรับโครงการเสนาที่เข้าร่วมโครงการโซลาร์ มูฟ ประกอบด้วย 1.โครงการ เสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา 2.เสนาทาวน์ รามอินทรา 3.เสนาช็อปเฮาส์ บางแค-เทอดไท 4.โครงการเสนาอเวนิว บางกะดี่ 5.เสนาช็อปเฮาส์ สุขุมวิท 113 และ6.เสนาช็อปเฮาส์ ลำลูกกา คลอง 2
7.เสนาช็อปเฮาส์ พหล-คูคต เนื่องจากโครงการเหล่านี้ มีการติดตั้งโซลาร์รูปท็อป ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและที่พักอาศัย ซึ่งปัจจุบันมีลูกบ้านเข้าพักอาศัยจำนวนมาก ที่ได้รับประโยชน์จากการติดตั้งระบบดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้าภายในครัวเรือนและส่วนกลาง ถือเป็นระบบที่มีความทันสมัยโดยลูกบ้านสามารถติดตามการผลิตไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้า การซ่อมบำรุง ด้วยเทคโนโลยีผ่านสมาร์ทโฟน ด้วยระบบแอพพลิเคชั่น 360 องศาของเสนาฯ
ทั้งนี้ เสนามีแผนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้วยระบบ โซลาร์รูฟท็อปให้กับทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 เสนา ได้เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก จำนวน 10 โครงการ รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ และแนวราบ 4 โครงการ โดยเป้าหมายของเสนาที่ต้องการนำระบบโซลาร์เข้ามาใช้ภายในโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้พลังงานสะอาด และร่วมลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่สร้าง ผลกระทบภาวะโลกร้อน-สำนักข่าวไทย