“พิชัย” จ่อหักลดหย่อนติดโซลาร์รูฟท็อป หนุน ESG

กรุงเทพฯ 30 พ.ค.- “พิชัย” ชูมาตรการภาษี หัดลดหย่อนติดโซลาร์รูฟท็อป-ขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต เล็งตั้งตลาดคาร์บอนในไทย หนุนรัฐวิสาหกิจออก Green Bond เปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจยั่งยืน มุ่งสู่ ESG 


นายพิชัย ชุณหวชิร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวปฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา Bangkok Post ESG Conference 2024 “Greening the Future : ESG Leadership in the Sustainability Revolution”  ระบุการพัฒนาด้าน ESG เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมในมิติของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะทวีความสำคัญขึ้นอย่างยิ่งในเวทีโลก ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติที่เกิดจากอุณหภูมิที่ปรับตัวสูงขึ้นและเป็นลำดับที่ 9 ของโลก

กระทรวงการคลังจึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ  สำหรับปี 2567 คาดว่า GDP จะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 2.5 ต่อปี จากภาคส่งออกและการผลิตอุตสาหกรรม ที่ชะลอตัว รวมทั้งภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและปรากฏการณ์เอลนิโญ โดยอัตราการขยายตัวของ GDP ของประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลงกว่าอัตราการเติบโตของ GDP ของประเทศไทยในอดีต สะท้อนถึงความจำเป็นในการปรับตัวและยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจของภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ขณะที่ในเวทีการค้าโลกได้เริ่มนำมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีด้านสิ่งแวดล้อมมาบังคับใช้ 


การเข้าถึงแหล่งทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริม Low-carbon Economy จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนให้ภาคเอกชนปรับตัวและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พลิกโฉมประเทศไทยจากฐานการผลิตเป็นฐานการคิดและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่คิดค้นโดยคนไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือที่เรียกว่า Climate Tech จะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลก

กระทรวงการคลังร่วมกับหลายหน่วยงานจัดทำแนวทางการพัฒนาภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) เพื่อสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการจัดสรรทรัพยากรของประเทศบนพื้นฐานของความยั่งยืน เช่น การทำ Taxonomy การเปิดเผยข้อมูล ESG การสร้างมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดตลาดและการลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืน เป็นต้น สำหรับแบงก์รัฐ มีสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าควร 1) เร่งส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและการจัดตั้งตลาดคาร์บอนในประเทศไทย ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขึ้นทะเบียน การซื้อขาย และการตรวจสอบคาร์บอนเครดิตที่เป็นมาตรฐานสากล และ 2) การพัฒนาตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืนด้วยการสนับสนุน ให้รัฐวิสาหกิจออก Green Bond และ Sustainability-linked Bond เพื่อสร้างตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน


ด้านมาตรการทางภาษีสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจยั่งยืน (Green Transition) ปัจจุบัน กระทรวงการคลังมีมาตรการภาษีที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการขายคาร์บอนเครดิต ภายใต้โครงการ T-VER การส่งเสริมการลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนหรือ Thai ESG ที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ของไทยที่ให้ความสสำคัญเรื่องความยั่งยืนตามหลัก ESG การส่งเสริมพาหนะที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ด้วยการนำปริมาณการปล่อยคาร์บอนมาประกอบการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการให้สิทธิ

ประโยชน์ตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เหมาะสมสำ เอาออกออกไปแล้วสำหรับที่ดินของเอกชนที่มีลักษณะเป็นพื้นที่สีเขียว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการภาษี  ทั้งระยะสั้น เช่น สามารถนำค่าใช้จ่ายการซื้อและติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน มาหักค่าลดหย่อนได้ ระยะกลาง ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ค่าใช้จ่ายในการวัด Carbon Footprint เพื่อให้ผู้ประกอบการวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างตรงจุด การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต เพื่อกระตุ้นในภาคเอกชนขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคเกษตร  และ ระยะยาวจะเน้นการผลักดันภาษีคาร์บอนเพื่อผลักดันให้ทุกภาคส่วนปรับตัวเพื่อให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตามข้อตกลงปารีส  ทั้งนี้ จะพิจารณาผลกระทบรอบด้าน และระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนกลุ่มเปราะบาง และพัฒนากลไกเยียวยาที่เหมาะสม

“การดำเนินนโยบายเหล่านี้ รวมทั้งการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนที่ยึดหลัก ESG จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวเป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ดึงดูดการลงทุน ส่งเสริมนวัตกรรม และมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ซึ่งจะยกระดับรายได้ คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน” นายพิชัย กล่าว.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

ไตรภาคีเคาะแล้ว! ค่าจ้างขั้นต่ำ มีผล 1 ม.ค.68

ไตรภาคี เคาะค่าจ้าง 400 บาท ลูกจ้าง 4 จังหวัด 1 อำเภอ “ภูเก็ต-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง-อ.เกาะสมุย” มีผล 1 ม.ค.68 ขึ้นค่าจ้าง 7-55 บาท 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้วันละ 337 บาท

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค ไม่ให้ระบาดในไทย พร้อมยกมาตรรักษาสุขภาวะในพื้นที่อย่างเข้มข้น