รัฐสภา 28 ก.พ.-“พิธา” ยันยังทำงานร่วมฝ่ายค้านต่อ แต่ต้องปรับความเข้าใจ ยก 55 ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ถกตั้งพรรคใหม่ต่างจังหวัดสุดสัปดาห์นี้
ภายหลังการลงมติญัตติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า เนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สื่อถึงความล้มเหลว ความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล ถึงแม้กระบวนการไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีจะไม่ครบทุกคน แต่ต้องขอบคุณประชาชนที่ส่งข้อความให้กำลังใจและขอให้กลับไปลงมติในสภาฯ
“วันนี้ทุกคนจึงตั้งใจที่จะมาโหวต โดยคิดว่าที่ผ่านมาทำงานอย่างเต็มที่ ถึงแม้เป็นเสียงข้างน้อย ส่วนผลลัพธ์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ระยะสั้นน่าจะส่งผลต่อการปรับ ครม. ระยะกลาง ปัญหาของบ้านเมืองถูกส่งต่อให้ประชาชนจนเกิดสถานการณ์ป่าล้อมเมืองนอกสภาฯ จากการที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่และประชาชนตื่นรู้ปัญหาของประชาชนมากขึ้น” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวด้วยว่า คืนนี้ ส.ส.ในกลุ่ม จะเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อถอดบทเรียนการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา พร้อมจะสร้างให้พรรคมีความเข้มแข็ง วางแผนยุทธศาสตร์บุคคลและอุดมการณ์ ยอมรับว่าจะมีการพูดคุยถึงพรรคใหม่ แต่จะชื่ออะไรนั้น ยังไม่ขอเปิดเผย ส่วนความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยนั้น ภาพใหญ่พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องทำงานร่วมกัน แต่ปีกย่อยต้องถอดบทเรียนร่วมกัน ประชาชนเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่อยาก ให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ที่ตัวบุคคล ไม่ใช่เรื่องเวลาเพียงอย่างเดียว
ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียน นักศึกษาในช่วงนี้ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเพราะน้อง ๆ รู้สึกไม่มั่นคง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ออกมาแสดงสิทธิ์
ด้านนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจมีข้อสังเกตหลายประเด็น เช่น ใน 5 ชั่วโมงสุดท้ายของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถ้ารัฐบาลแบ่งเวลาให้ฝ่ายค้านอภิปรายฯ โดยไม่ยึดกติกาที่จัดสรรไว้อย่างเดียว บรรยากาศจะดีกว่านี้ แต่เมื่อรัฐบาลเลือกแบบนี้ ทำให้เสียงข้างมากกุมสภา จนไม่สามารถสรุปการอภิปรายได้ ประเด็นต่อมา ส.ส.ที่ทำหน้าที่อภิปรายฯ ถูกข่มขู่ รวมทั้งกรณีของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้สิทธิ์ของประชาชนอภิปรายนอกสภาเรื่อง 1MDB แต่กลับถูกรัฐข่มขู่
นายคารม กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณ ส.ส. 55 คนที่ยังอยู่ร่วมเดินไปข้างหน้าพร้อมกันกับประชาชน ส่วน ส.ส.ที่ย้ายไปสังกัดพรรคอื่น ตนไม่ขอตอบว่ามีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะมีมารยาทพอ ไม่อยากให้ใครเรียกว่า “กุ๊ย” ขอให้สังคมตั้งถามเอง ส่วนกรณี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีการติดต่อจากรัฐบาล แต่ปฏิเสธไม่เข้าไปสังกัดพรรคด้วย กลับถูกข่มขู่ ซึ่ง น.ส.เบญจา ได้ไปแจ้งความแล้ว ตนเห็นว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม เรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ เรื่องคุณสมบัติ มีข้อสังเกตทางกฎหมายหลายประเด็น ซึ่งผู้อภิปรายฯ ได้บอกเรื่องนี้กับสังคมไปแล้ว ส่วนนายกรัฐมนตรีจะเห็นอย่างไรก็แล้วแต่จะพิจารณา
นายคารม กล่าวด้วยว่า ส่วนการทำงานฝ่ายค้านต้องเดินร่วมกันต่อไป แต่ขอร้องพรรคการเมืองใหญ่ เช่น พรรคเพื่อไทยต้องให้เกียรติกัน
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า ขณะนี้คนสำคัญ คือ คนที่ยังอยู่ ซึ่งเราต้องร้อยรักและเดินทางไปข้างหน้าด้วยกัน เพราะเราเชื่อในผู้คนและการเดินทาง ส่วนคนที่ไปแล้ว ถึงคิดอย่างไร เขาก็ไม่กลับมา
เมื่อถามว่า การอภิปรายนอกสภาของ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) จะเป็นการผิดระเบียบการใช้พื้นที่ข่าวหรือไม่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า ตนมองว่าการใช้พื้นที่แถลงข่าวไม่ได้เกิดความเสียหายวุ่นวาย แต่กลับเป็นสิ่งดีให้ประชาชนเข้าใจเนื้อหาของการอภิปรายฯ
เนื่องจากเวลาหมด
ส่วนการมาเข้าร่วมลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายพิจารณ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับวิปฝ่ายค้าน แต่ตนเห็นว่าเมื่อมีคนไม่ถูกอภิปรายฯ ก็ยิ่งต้องไปลงมติไม่ไว้วางใจ และประชาชนก็คาดหวัง ส่วนเรื่องกระบวนการ เห็นว่าแม้จะอภิปรายรัฐมนตรีได้ไม่ครบทุกคน แต่ก็มีการอภิปรายนอกสภา เพื่อส่งไปยังประชาชนได้
ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องถามตัวเองว่ามีการใช้ภาษีมาสร้างความแตกแยกของประชาลนหรือไม่ เราต้องทำลาย IO กระบวนการที่ทำให้เราเกลียดกัน
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้อภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้คะแนนจากการลงมติไว้วางใจสูงที่สุด เพราะตนอาจเปลี่ยนใจเพื่อนสมาชิกได้ ส่วนตัวไม่กลัวการถูกฟ้อง เพราะเคยถูกจำคุกมาแล้ว
“ตอนนี้กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนแสนกว่าบาท จึงต้องทำหน้าที่ หากไม่เริ่มทำตรงนี้ แล้วอะไรคือคุณค่าที่ต้องเป็น ส.ส.จึงพยายามพิสูจน์ ใช้กลไกสภาฯ ให้มีคุณค่าสูงที่สุด และทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ซึ่งรัฐบาลมีสิทธิ์ฟ้อง แต่ผมก็มีสิทธิ์นำเสนอความจริง และหากพูดกันถึงความจริง เชื่อว่ารัฐบาลอาจจะไม่อยากฟ้องผมก็ได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
ทั้งนี้ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ ยอมรับว่า ในวันที่ 4 มีนาคมนี้ ได้มีการนัดแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อขอบคุณ และคงใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยทำความเข้าใจ กัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ วันนี้ (28 ก.พ.) แต่งกายด้วยชุดสีดำเข้าร่วมประชุมสภาฯ เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งตรงกับการรณรงค์ในโซเชียลมีเดีย ภายใต้ชื่อ “แบล็คฟายเดย์ #เสื้อดำจะยำเผด็จการ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์”.-236 (225) สำนักข่าวไทย