กรุงเทพฯ 27 ก.พ.-สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ จัดประชุมวิชาการด้านยุทธศาสตร์ชาติ ด้านความมั่นคงในอนาคต เชิญรองอธิบดีกรมควบคุมโรคให้ความรู้และคำแนะนำการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด -19 ขอทุกคนช่วยกันดูแลตนเองให้ดี หากป่วยต้องไปพบแพทย์ ชี้หากประเทศไทยปลอดภัยประชาชนจะปลอดภัยไปด้วยกัน
โรงแรมทาวน์อินทาวน์ การประชุมวิชาการ ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ ครั้งที่1/2563 ที่จัดโดย ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ ของสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ในหัวข้อ “Thailand Strategic Security Review 2020” โดย พล.ต.กิตติ คงสมบัติ รองเสนาธิการสถาบันป้องกันประเทศ เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ
การสัมมนาครั้งนี้ เพื่อนำเสนอและเผยแพร่ความรู้รวมทั้งระดมความคิดเห็น เกี่ยวกับการประเมินสภาวะแวดล้อม ทางด้านความมั่นคงระดับโลก ระดับภูมิภาคและความมั่นคงที่เกี่ยวกับประเทศไทย รวมถึงแนวทางการปรับปรุงแก้ไขยุทธศาสตร์หรือนโยบายความมั่นคงของชาติในอนาคต ในโอกาสนี้มีการเชิญ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคมาบรรยายและให้ความรู้ เรื่องการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ขณะนี้เกิดการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ในทุกภูมิภาค ซึ่งการสัมมนาวันนี้มีคนจำนวนมากมาร่วมงานนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำ เจลแอลกอฮอลล์ล้างมือจัดวางไว้ตามจุดต่าง ๆ พร้อมกับแจกหน้ากากอนามัยให้กับผู้ที่มาร่วมประชุมด้วย
พล.อ.เจิดยุทธ คราประยูร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชากองทัพไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง Dynamic Security Environment in the 21 century ตอนหนึ่งว่า ยุทธศาสตร์ที่ได้ทำขณะนี้เป็นการนำข้อมูลที่ได้ในการพูดคุยและร่วมหารือในหลาย ๆ ด้าน เพื่อวิเคราะห์นำไปสู่การทำแผนปฎิบัติทางยุทธศาสตร์ในลักษณะภัยคุกคามชัดเจน หรือ ในบางมิติที่ไม่ชัดเจน ที่ต้องพิจารณาว่าอนาคตจะทำอย่างไร โดยต้องสร้างขีดความสามารถและกลไกในการใช้เป็นกรณี อาทิ การทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หรือการใช้เทคโนโลยี AI หรือหุ่นยนต์เข้ามาทำงานมากขึ้น โดยยกตัวอย่างกรณีการแพร่ระบาดของ โควิด -19 ที่ไทยนำหุ่นยนต์มาช่วยคัดกรองทางการแพทย์ และทำให้การวิเคราะห์ที่แม่นยำมีประสิทธิภาพมากขึ้นและนำไปสู่การรักษาได้ทันท่วงที แต่บางสิ่งก็ไม่สามารถใช้ AI หรือระบบ บิ๊กดาต้าในเรื่องของความมั่นคงได้ เพราะบางเรื่องการตัดสินใจยังต้องอยู่ในมือของมนุษย์ที่ต้องมีคุณธรรมและศีลธรรม นอกจากนี้ยังได้พูดถึงประเทศไทยที่ในขณะนี้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีระยะห่างของช่วงวัยที่ต่างกัน ดังนั้นต้องมาวิเคราะห์ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรหรือไม่
ในโอกาสนี้ที่ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังประสบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19นั้น ทางสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ จึงเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจและการเตรียมป้องกันรับมือ จึงได้เชิญ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัตน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาบรรยายให้ความรู้ คำแนะนำ รวมถึงการดูแลตนเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์ โควิด-19 โดยระบุตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความพร้อม และระบบการจัดการด้านสาธารณสุขที่ดี (health security) ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากองค์การอนามัยโลก อยู่ที่ 1 ของเอเชีย และอันดับ 6 ของโลก ซึ่งเป้าหมายต่อไป หลังจากที่เราได้พัฒนาระบบจากการแพร่ระบาดของซาร์ ในปี 2003 มาจนถึงปัจจุบัน ที่ทำให้ไทยสามารถรับมือสถานการณ์ได้ดีทั้งที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่ไทยใช้มาตรการณ์เชิงรุกในการป้องกันโรค ทั้งการจัดเตรียมบุคลากร การเตรียมห้องควบคุมโรคที่โรงพยาบาลรัฐมีทุกแห่ง และเอกชนก็ทำเกือบทั้งหมดแล้ว
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ โควิด-19 ในไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 แต่หากคุมไม่ได้จะเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งไทยพยายามคงสถานการณ์ระยะที่ 2 นี้ไว้ให้ได้นานที่สุด ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคน ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรห้างร้านต่างๆ ตระหนักถึงการป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาด โควิด-19 เพราะหากประเทศไทยรอดเราจะรอดไปด้วยกัน ทั้งนี้ขอฝากประชาชนให้รักษาสุขภาพให้ดี กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรค เพราะไม่ว่าจะมีสุขภาพแข็งแรงหรือไม่แข็งแรงอย่างไรก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 ด้วยกันทุกคน เพราะโรคนี้ขึ้นกับความแข็งแรงของภูมิคุ้มกัน ดังนั้นทุกคนจึงต้องดูแลตนเอง หลีกเลี่ยงการไปพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก และเมื่อรู้สึกตัวว่าไม่สบายต้องไปโรงพยาบาลเพื่อให้ทราบว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ เพื่อที่จะได้รักษาตนเองและไม่ไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น.-สำนักข่าวไทย