ศูนย์บริการโลหิตฯ ปรับมาตรการป้องกัน เชื้อ “โควิด-19” ฉบับที่ 2

สภากาชาดไทย 24ก.พ.-ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ปรับมาตรการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัส COVID-19 ทางโลหิต ฉบับที่ 2  ให้ผู้บริจาคโลหิตคัดกรองตนเองก่อนบริจาค เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อจากผู้บริจาคโลหิต ไปสู่ผู้ป่วยรับโลหิต 


รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในหลายประเทศ และศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้ประกาศมาตรการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2019 ทางโลหิต ฉบับที่ 1 เลขที่ 2/2563 วันที่ 29 มกราคม 2563 แล้วนั้น เพื่อให้งานบริการโลหิตของประเทศไทย มีคุณภาพปลอดภัยตามมาตรฐานสูงสุด และป้องกันมิให้รับบริจาคโลหิตจากผู้ที่มีความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อไปสู่ผู้ป่วย 


ดังนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงได้ปรับมาตรการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัส COVID-19 ทางโลหิต ฉบับที่ 2 โดยอ้างอิงข้อมูลจาก สมาคมธนาคารโลหิตแห่งสหรัฐอเมริกา และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผู้บริจาคโลหิตรายเก่า และผู้บริจาคโลหิต รายใหม่ได้คัดกรองตนเองก่อนบริจาคโลหิต ดังนี้ 

1.ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ หรือเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 งดบริจาคโลหิต 4 เดือน

2.ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19  งดบริจาคโลหิต 4 เดือน


3.ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19 นับตั้งแต่ตรวจพบเชื้อ และหายป่วยโดยไม่มีอาการใดๆ หลงเหลืออยู่ งดบริจาคโลหิต 4 สัปดาห์

4.ภายหลังบริจาคโลหิต หากผู้บริจาคโลหิตได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19 ให้แจ้งหน่วยงานที่รับบริจาคโลหิตทันที

5.ผู้บริจาคโลหิตจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพตนเอง โดยให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริง

ทั้งนี้ หากผู้บริจาคโลหิตไม่แน่ใจการได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าว ควรงดการบริจาคโลหิตชั่วคราวตามมาตรการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อโควิด-19 ทางโลหิตข้างต้น เพื่อเว้นระยะเวลาการพบเชื้อ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แพทย์หรือพยาบาลห้องคัดกรองผู้บริจาคโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โทร. 0 2263 9600 ต่อ 1150, 1151 เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับโลหิตที่มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา

ในส่วนกลางกรุงเทพมหานคร บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ และศูนย์รับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) ในส่วนภูมิภาค บริจาคโลหิตได้ที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ รวม 13 แห่ง ได้แก่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา ภูเก็ตและสถานีกาชาด หัวหินเฉลิมพระเกียรติ จ.ประจวบคีรีขันธ์ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

ลุ้นผลเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ขณะนี้การนับคะแนนตามหน่วยต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในขั้นตอนการรวมคะแนน ซึ่งในเขตเมือง ผลปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชนมีคะแนนนำ แต่อำเภอรอบนอก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่หลายหน่วยเลือกตั้ง

เร่งประสานอินเตอร์โพลขอหมายแดงล่าตัว “หมอบุญ”

ตำรวจเตรียมออกหมายจับเครือข่าย “หมอบุญ” ฉ้อโกง ลอต 2 รวมทั้งเร่งประสานอินเตอร์โพล ออกหมายแดงล่าตัว “หมอบุญ” กลับมาดำเนินคดี